ฟุตบอล, ตะกร้อ, วอลเลย์บอล คือกีฬาที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเราเอกลักษณ์ของแต่ละกีฬามารวมกัน
คำตอบคือกีฬาฟุตวอลเลย์ กีฬาวอลเลย์บอลที่ใช้เท้าแบบตะกร้อ ผสมกับทักษะแบบฟุตบอล กีฬานี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้
เริ่มต้นจากข้อห้าม
โดยปกติ ฟุตบอล และ วอลเลย์บอล ก็เป็นกีฬาที่มีความสนุกสนานในตัวมันเอง โดยในส่วนของฟุตบอลนั้น ไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นกีฬาของมวลมนุษยชาติ ที่จะห้ำหั่นกันผ่านสกิลเท้า เพื่อยิงประตูให้ตุงตาข่าย ส่วนวอลเลย์บอลนั้น วัดกันที่การกระโดด และหากลูกกลมๆ ข้ามตาข่ายลงไปกระทบฟอร์มสนาม
แต่จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสองกีฬานี้มายำใหญ่รวมกัน! บราซิล ชนชาติที่เป็นมหาเทพของกีฬาสองชนิดนี้จัดให้อย่างแจ่มเลยทีเดียว
บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า ในปี 1965 ที่ชายหาดโคปาคาบาน่า เมืองริโอเดอจาเนโร อันเลื่องชื่อ มีชายคนหนึ่งชื่อ ออกตาวีโอ เดอ โมราเลส ได้เกิดความอัดอั้นตันใจ ที่ฝ่ายดูแลชายหาด ดันห้ามไม่ให้มีการเตะฟุตบอล โดยอนุญาตให้เล่นเพียงวอลเลย์บอลชายหาด โดยกำหนดพื้นที่เฉพาะให้ ตีเส้น วางตาข่าย ไว้ให้แล้ว
แต่ตอนนั้น โมราเลสอยากเตะบอลใจจะขาด จึงทำการชักชวนสหายใช้เท้าหวดบอลไปมาข้ามเน็ตเสียเลย โดยกติกาส่วนใหญ่ก็คือยกมาจากวอลเลย์บอลทั้งหมด เพียงแต่มีข้อห้ามเดียวคือ ห้ามใช้มือ (กติกาวอลเลย์บอลใช้เท้าได้)
ในการส่งบอลข้ามตาข่าย และกำหนดคนเล่นข้างละสองคน นอกนั้นจะทำอะไร จะใช้สกิลแบบใด ก็ได้ทั้งนั้น
เรียกง่าย ๆ ว่ากติกาก็ไม่มีอะไรแปลกหรือพิสดาร เพราะทั้งฟุตบอลและวอลเล่ย์บอลล้วนเป็นกีฬาที่ทุกคนเข้าใจกันดีอยู่แล้วและด้วยความง่าย ๆ แต่แฝงไปด้วยศิลปะและทักษะที่สวยงามนี่แหละที่ทำให้ฟุตวอลเล่ย์ ไม่ได้เล่นกันแค่ในบราซิลเท่านั้น เพราะ ชาวบราซิล ได้เอามันออกไปเดินทางทั่วโลก
ดังไปทั่วทีปทั่วแดน
กีฬาชนิดนี้ถือว่าดังไปไกลเป็นอย่างมาก เพราะถือว่ามีกติกาที่เข้าใจง่าย ไม่ได้มีการร่างใหม่ทั้งหมด และปรับเปลี่ยนอะไรเยอะให้เกิดความสับสน รวมถึงสกิลทางฟุตบอลที่คนบราซิลเคยชิน ก็ยังสามารถใช้กับฟุตวอลเลย์ได้ และยังสามารถพัฒนาให้รอบจัดยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
สนามของฟุตวอลเลย์เป็นพื้นทรายขนาด 9 x 18 ม. ตาข่ายสูง 2.2 ม. ทั้งนี้ฟุตวอลเลย์ยังใช้ลูกบอลขนาด 5 ในการเล่น และระหว่างการเล่นผู้เล่นไม่สามารถสัมผัสลูกได้ 2 จังหวะติดต่อกัน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ว่ากันง่าย ๆ ก็คือแทบจะเหมือนเซปักตะกร้อบ้านเราทั้งสิ้น ต่างกันแค่อุปกรณ์ และจำนวนคนที่ใช้แข่งขันเท่านั้นเอง
ทั่วทั้งเขตชายหาดในบราซิลต่างรับไปเล่นกันอย่างหนาตา อาทิ เรชิเฟ, ซานโตส, ฟลอเรียนโปลิส และซัลบาดอร์ ก่อนที่จะแพร่ไปยังเมืองไม่ติดทะเลอื่นๆ โดยพวกนี้จะตีเส้น สร้างสนามกันตามพื้นปูนข้างถนน หรือพื้นดินแทน
ปารากวัย ถือเป็นประเทศแรกที่เห็นฟุตวอลเลย์แล้วโดนใจ นำไปเล่นกันจนแพร่หลาย เพียงแต่ดังเพียงชั่วครู่ก็อิ่มตัว
แต่ประเทศที่นำกีฬาชนิดนี้ไปขยาย และเอาไปแข่งกันจริงจังคือชาติต้นตำรับฟุตบอลอย่างอังกฤษ อังกฤษเป็นชาติต่อมาจาก ปารากวัย ที่รับฟุตวอลเล่ย์ไปเล่นกันอย่างจริงจัง จากนั้นพวกเขาก็สนุกกัน จนถึงขั้นจัดทัวร์นาเมนต์ที่ชายหายเมืองไบร์ทตัน ทางตอนใต้ของประเทศ
การไปถึงอังกฤษได้ ทำให้มันเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นจนกระทั่งได้เจอประเทศที่สนุกกับ ฟุตวอลเล่ย์ และมีการลงมือทำกันจริงจังยิ่งกว่านั้นก็คือ อิสราเอล ที่มีการจัดตั้ง Corona FootVolley League ลีกแข่งขันฟุตวอลเลย์แบบกึ่งอาชีพเจ้าแรกๆ รวมถึงมีการจัดตั้ง FootVolley European Tour แข่งโดยเชิญนักกีฬาชนิดนี้มารวมตัวกันจากทั่วยุโรปอีกด้วย
รวมถึงในเกาหลีใต้ ณ งานกีฬาสีไอดอลเคป็อป ก็ยังได้บรรจุกีฬาฟุตวอลเลย์ลงในการแข่งขันเมื่อปี 2018 มาแล้ว โดยเปลี่ยนกติกาให้เป็น สี่ต่อสี่ และจบใน 15 แต้มเพื่อลดเวลาการแข่งขัน ให้เหมาะกับการออกอากาศทางทีวี
กระนั้น สหรัฐอเมริกา คือที่สุดแห่งความบ้าฟุตวอลเลย์ เพราะถึงขนาดมีการจัดตั้ง สมาคมฟุตวอลเลย์แห่งชาติ (United States Footvolley Association) เพื่อรับดูแลและจัดการระบบนักกีฬาลีกอาชีพเลยทีเดียว มีการจัดตั้งสโมสรฟุตวอลเลย์ (FL) ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันลีกอาชีพ National Championship ที่ส่วนมากจะจัดยังชายหาดไมอามี่ รัฐฟลอริดา จนถึงปัจจุบัน มีลีกอาชีพแข่งขันไปทั่วเมืองชายฝั่งสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการพัฒนาฟุตวอลเลย์แบบในร่ม แล้วด้วย
กีฬาสร้างชื่อของคนไทย
ที่อื่นๆ กระแสและความนิยมมาเป็นหลัก แต่หากวัดกันที่ฝีมือจริงๆ ประเทศไทยถือว่ามาแรงแซงทางโค้งเป็นอย่างมาก
แม้จะไม่เป็นที่นิยมในระดับรากหญ้าแบบชาติอื่นๆ แต่เพราะดีเอนเอของการกระโดดฟาดเพื่อทำแต้ม ทีไทยมีมาช้านานจากการเล่นเซปักตะกร้อ หรือสกิลงัดบอล เดาะบอล เล็งบอล ก็มีมาจากการเล่นตะกร้อลอดห่วง หรือชิงลง ที่เตะกันตามข้างถนน ต่อให้ไม่ชำนาญ ก็พอจะจับเคล็ดจับทางได้
ประกอบกับเมืองไทยเมืองท่องเที่ยว ชายหาดมีเพียบ สวยๆ ทั้งนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาในการพัฒนากีฬาชนิดนี้แบบจริงจัง
นั่นจึงทำให้ หลังจากฟุตวอลเลย์เข้ามาครั้งแรกในช่วงกลางปี 2003 เพียงไม่นานไทยก็สามารถยกระดับขึ้นไปทัดเทียมกับประเทศที่เล่นมาก่อนอย่างบราซิล ฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส หรือสเปน ได้อย่างน่าชื่นชม เพราะถือเป็นของถนัดที่ไม่ต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ให้เสียเวลา
โดยในการแข่งขันฟุตวอลเล่ย์ชิงแชมป์โลกปี 2010 นั้น ทีมชาติไทยที่นำโดย ธานี เรื่องศรี / วินัย ทองลาย เคยไปถึงระดับที่คว้าเเชมป์โลกมาครองได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังเคยมีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศไทยมาเเล้วในปี 2018 ณ สนามกีฬาฟุตบอลชายหาทของ กกท. โดยในครั้งนั้นไทยเข้าไปชิงชนะเลิศกับต้นตำรับอย่าง บราซิล ก่อนที่จะแพ้ไป 1-2 เซ็ต ได้ตำแหน่งรองแชมป์ไปครอง
เรียกได้ว่าตั้งแต่คนไทยเริ่มรับเอากีฬาฟุตวอลเล่ย์เข้ามา ไม่ว่าจะจัดการแข่งขันในระดับใด ไทยก็กวาดแชมป์ได้มาเรียบทุกรายการ บางรายการถึงขั้นเอาชนะชาติต้นตำรับเลยก็มี
นี่ทำให้เห็นว่า การกีฬานั้นความสนุกในการพลิกแพลง ประยุกต์ ปรับใช้ให้ก้าวข้ามข้อจำกัด มีความสำคัญไม่แพ้กับความสนุกบนสนาม เพราะความคิดสร้างสรรค์ มักจะสรรค์สร้างอะไรใหม่ๆ ที่จะกลับมาเป็นผลดีได้เสมอ
ทุกวันนี้ฟุตวอลเล่ย์ กลายเป็นหนึ่งวัฒนธรรมบนชายหาดของชาวบราซิลไปเป็นที่เรียบร้อย แม้จะมีการแข่งขันระดับชิงแชมป์โลก แต่แก่นของฟุตวอลเล่ย์คือกีฬาที่เน้นความสนุก จากทักษะการใช้เท้าควบคุมลูกฟุตบอลบนอากาศ และการใช้ท่าทางที่สวยงามเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้าง ซึ่งถ้าใครได้ลองชมการแข่งขันฟุตบอลเล่ย์สักครั้งจะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมกีฬาที่เกิดจากความบังเอิญ จึงมาได้ไกลขนาดนี้