ทุกครั้งเราดูรักบี้ทีมชาตินิวซีแลนด์ลงสนาม เราจะรู้สึกกลัว, น่าสงสัย และเฉยๆ ปะปนทุกครั้ง เมื่อเห็นเต้นฮากา ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงของชาวเมารี ที่ผู้เล่นนิวซีแลนด์เต้นทุกครั้งก่อนลงสนาม
ฮากาได้พัฒนาจากการข่มขวัญคู่ต่อสู้ในสนามรบสู่การฉลองวันเกิด และกลายเป็นสัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์ได้อย่างไร? The Sporting News มีคำตอบ
ความภาคภูมิใจแห่งชาวเมารี
เว็บไซต์การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ได้ระบุไว้ว่า ฮากาเป็นการแสดงของชาวเมารีเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ในสงคราม นิยมแสดงเป็นหมู่คณะเพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจ, ความแข็งแกร่ง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ตามตำนานเมารี กล่าวไว้ว่า ทามานุยเทร่า เทพแห่งดวงอาทิตย์ และฮิเน เรามาติ ภรรยา ได้สร้างลูกชายชื่อทาเนโรเรในช่วงฤดูร้อน โดยทาเนโรเรเต้นให้แก่แม่ของเขาในฤดูร้อน ซึ่งกลายเป็นที่มาของฮากา
ผู้เต้นจะต้องกระทืบเท้า, แลบลิ้น, ตบร่างกายและร้องเพลงระหว่างแสดงฮากา ซึ่งเนื้อเพลงดั้งเดิมอธิบายความเป็นมาของชนเผ่าผ้่านเหตุการณ์สำคัญต่างๆ โดยการแสดงฮากาทำได้ทั้งในยามสงบ เช่น งานแต่งงาน และยามสงคราม
สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง
นักรักบี้ทีมชาตินิวซีแลนด์เต้นฮากาโดยใช้เพลง “คา มาเต” ที่แต่งโดยเต เราปาราฮา หัวหน้าเผ่างาติ โตอา โดยเนื้อหาเพลงนี้เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองชีวิตที่เอาตัวรอดจากความตาย
การแสดงฮากาใช้เพื่อแสดงความแข็งแกร่งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก่อนเกม ซึ่งฝ่ายหญิงก็มีการแสดงฮากาโดยใช้เพลง “โค อูเฮีย ไม”
การแสดงฮากาประกอบด้วยการตะโกนเสียงดัง, กระทีบเท้า, ตบตัว, จ้องด้วยสายตาน่ากลัวและแลบลิ้นก่อนแข่ง
MORE: Video: All Blacks haka as you've never heard it before
อยู่หรือตาย
ท่อนหลักของเนื้อเพลงคา มาเต ประกอบการแสดงฮากามีความหมายว่าดังนี้
“ฟังให้ดี เตรียมตัวไว้ กุมอาวุธให้มั่น” จากนั้นเอามือตบน่อง กระทืบเท้าให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“จะอยู่หรือตาย นั่นเป็นมนุษย์ขนผู้เรียกดวงอาทิตย์และแสงสว่าง เดินขึ้นไป เดินขึ้นไป ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว”
ไม่ได้มีแค่รักบี้
นอกจากทีมรักบี้ชายและหญิงที่แสดงฮากาแล้ว ทีมฮอกกี้ก็เคยแสดงฮากา เช่นเดียวกันกับนักกีฬานิวซีแลนด์ที่เคยเต้นฮากาต่อหน้าพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 ในงานคอมมอนเวลธ์เกมส์เมื่อปี 2002 มาแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีนักกีฬาปาเป้านิวซีแลนด์ที่เคยแสดงฮากาในงานชิงแชมป์โลกที่พบกับทีมชาติออสเตรเลียเมื่อปี 2013 อีกด้วย
ไม่จำเป็นต้องแสดงก่อนแข่งกีฬา
ฮากาเป็นการแสดงเพื่อให้เกียรติบุคคลฝนโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานแต่งงานและงานศพ
เมื่อพระราชินีเอลิซาเบ็ธสวรรคต ชาวนิวซีแลนด์ได้แสดงฮากาเพื่อถวายความอาลัย
เว็บไซต์การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ได้ระบุไว้ว่า ชาวนิวซีแลนด์ที่ไม่ใช่ชาวเมารีต่างเรียนรู้ที่จะแสดงฮากาเพื่อแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น
“การเรียนรู้ผ่านถ้อยคำและตัวอักษรจะทำให้คุณเข้าใจความหมายและความสำคัญของฮากา รวมไปถึงสีหน้าของคุณเมื่อทำการแสดง” ข้อความในเว็บไซต์
วิธีตอบโต้ฮากาจากชาติต่างๆ
มีหลายทีมที่พยายามแสfดงปฏิกิริยารับมือฮากาแตกต่างกันไป
ทีมชาติออสเตรเลียไม่สนใจฮากาและทำการวอร์มอัพต่อไป ในเกมรักบี้ไตรเนชันส์เมื่อปี 1996 สุดท้ายเป็นนิวซีแลนด์ที่หัวเราะทีหลังดังกว่าด้วยการถล่มออสเตรเลียขาดลอย 43-6
ทีมชาติเวลส์คล้องแขนกันไว้และหลีกเลี่ยงการสบตาในปี 2008
ทีมชาติฝรั่งเศสถูกปรับ ขณะบุกเข้าหาทีมชาตินิวซีแลนด์ระหว่างการแสดงในรายการชิงแชมป์โลกปี 2011 เช่นเดียวกันกับทีมชาติอังกฤษที่เข้าหาระยะ 10 เมตรในรายการชิงแชมป์โลกอีก 8 ปีต่อมา
องค์กรรักบี้โลกรายงานว่า อังกฤษทำลาย “พิธีการทางวัฒนธรรม” โดยยืนเข้าหาเป็นรูปตัว V ขณะการแสดงฮากา
“เรารู้ว่าเราอยู่ในรัศมีของพวกเขา แต่เราไม่อยากเข้าหาเขา และอยากให้เขาเดินเข้ามาหาเรา เราเว้นระยะให้พวกเขา แต่เราไม่อยากยืนเป็นแถวหน้ากระดาน” โอเว่น ฟาร์เรลล์ กัปตันรักบี้อังกฤษกล่าว
แผนการของทีมชาติอังกฤษได้ผล ด้วยการเอาชนะนิวซีแลนด์ไปได้ 19-7 ในรอบรองชนะเลิศ
มีหลายคนแนะนำให้ทีมชาตินิวซีแลนด์หยุดแสดงฮากา เพราะสนามรักบี้ไม่มีที่ว่างให้กับการแสดงออกทางวัฒนธรรม ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนไม่เห็นด้วยก็ตาม
แม้ใครจะมองว่าฮากาเป็นอย่างไร แต่ฮากาเปรียบเสมือนสัญลักษณ์สำคัญของรักบี้ทีมชาตินิวซีแลนด์ที่ช่วยให้คว้าแชมป์โลก 3 ครั้งในปี 1987, 2011 และ 2015