กว่าจะเป็น 'บาส-ปอป้อ' คู่แบดมินตันความหวังเหรียญโอลิมปิกของไทย

05-30-2023
6นาทีที่อ่าน
Badminton Thai Today

"บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คือนักกีฬาแบดมินตันประเภทคู่ผสมทีมชาติไทย ปัจจุบันรั้งอยู่มืออันดับที่ 3 ของโลก ทั้งคู่เป็นผลผลิตจากเอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี่ (SCG Badminton Academy) ที่สามารถสร้างผลงานในระดับโลกมาอย่างมากมาย ผ่านการคว้าแชมป์มาแล้วทุกระดับการแข่งขัน และเป็นนักกีฬาที่ถูกคาดหวังว่าทั้งคู่นั้นอาจจะไปถึงเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้ และก็ดูเหมือนว่าก็มีโอกาสอยู่ไม่น้อย

เหตุใดทั้งคู่จึงถูกตั้งหวังไว้สูงขนาดนั้น บทความนี้จะพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย อีกหนึ่งความหวังของวงการแบดมินตันไทย

จุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นคู่ผสมระดับโลก

"บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ นั้นเป็นนักกีฬาในประเภทชายคู่มาก่อนโดยจับคู่กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน และก็สามารถขึ้นโพเดียมคว้ารองแชมป์รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ (BWF International Challenge) มาครองได้สองรายการในช่วงระหว่างปี 2012-2016 แม้จะเป็นผลงานที่พอจะไปต่อได้แต่ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสทั้งคู่ที่จะไปต่อในระดับที่สูงขึ้นนั้นก็มีหนทางที่ยากอยู่พอสมควรเพราะการแข่งขันประเภทชายคู่ในยุคสมัยนั้นมีมือวางระดับโลกที่เพียบพร้อมขวางทางอยู่อีกมากมาย

ขณะที่ในประเภทคู่ผสม “บาส” ก็จับคู่กับ "เอิร์ธ" พุธิตา สุภจิรกุล ลงสนามแข่งขันในระดับจูเนียร์และบีดับเบิลยูเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ แต่ก็ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่นนัก

ขณะที่ในช่วงเวลานั้น "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เองนั้นเริ่มจากการแข่งขันในประเภทหญิงเดี่ยวและหญิงคู่ โดยประเภทหญิงเดี่ยวเจ้าตัวมีศักดิ์ศรีเป็นถึงเจ้าของเหรียญทองยูธ โอลิมปิกเกมส์ 2010 ที่ประเทศสิงคโปร์ แถมก่อนหน้านั้น "ปอป้อ"  คนนี้เคยปราบ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรายการเล็กอย่าง มาเลเซีย อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2009 มาแล้ว

สำหรับเส้นทางในประเภทหญิงเดี่ยวนั้น "ปอป้อ" ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์อาชีพระดับบีดับเบิลยูเอฟ ทัวร์ มาครองได้ 1 รายการนั่นก็คือรายการยูเอส โอเพ่น (U.S. Open) ปี 2013 รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ กรังด์ปรีซ์ โกลด์ (BWF Grand Prix Gold) แต่ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าในช่วงเวลานั้นวงการแบดมินตันไทยมีหญิงเดี่ยวมือดีมากมาย โดยเฉพาะ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และ “พีช” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข นั่นจึงทำให้ผู้เกี่ยวข้องคิดว่า “ปอป้อ” นั้นควรจะเน้นการเล่นในประเภทคู่  

ด้านประเภทหญิงคู่ที่ “ปอป้อ” จับคู่กับ "เอิร์ธ" พุธิตา สุภจิรกุล ก็สามารถทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง ทั้งสองคนสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์การแข่งขันรายการระดับอาชีพมาครองได้ 2 รายการคืออินเดีย กรังด์ปรีซ์ โกลด์ (India Grand Prix Gold) ปี 2012 และไทยแลนด์ โอเพ่น (Thailand Open) ปี 2016 รวมกับรองแชมป์อีกกว่า 5 รายการ ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่พอจะไปได้แต่ก็ยังไม่สุดมากนัก

จากนั้นในช่วงปี 2015 “บาส” และ “ปอป้อ” ก็เริ่มกันจับคู่ลงสนามแข่งขันในประเภทคู่ผสม และก็สามารถสร้างผลงานไต่อันดับโลกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 2 ปีแรกทั้งคู่สามารถสร้างผลงานผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศการแข่งขันระดับบีดับเบิลยูเอฟ กรังด์ปรีซ์ โกลด์ ได้ถึง 4 รายการและก็สามารถคว้าแชมป์รายการสวิส โอเพ่น (Swiss Open) ในปี 2017 มาครองได้สำเร็จโดยการปราบคู่ร้อนแรงของอินโดนีเซียในขณะนั้นอย่าง “ปราวีน จอร์แดน” กับ “เดบบี้ ซูซานโต” ฉายแววความเก่งออกมาให้วงการแบดมินตันไทยได้เห็นถึงความเป็นคู่ผสมความหวังใหม่ของวงการ

badminton photo

เหรียญทองซีเกมส์ กับการต่อสู้นอกสนามของ “ปอป้อ”

หลังจากที่ “บาส-ปอป้อ” สามารถคว้าแชมป์แรกในการแข่งขันระดับบีดับเบิลยูเอฟ กรังด์ปรีซ์ โกลด์ มาครองได้แล้ว ทั้งคู่ก็สามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ปี 2017 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียมาครองได้อีกด้วย โดยในรอบชิงชนะเลิศ “บาส-ปอป้อ” สามารถปราบมือความหวังของเจ้าถิ่นอย่าง "โก๊ะ ซุน ฮวด" กับ "ชีวอน เจมี ไล" ไปได้แบบสนุกเกมเบียดกันไปมาชนิดแต้มต่อแต้ม

แต่ในท้ายที่สุดก็เป็นคู่ของ “บาส-ปอป้อ” ที่มีความแน่นอนกว่าจึงสามารถคว้าชัยชนะไปได้ เป็นผลงานที่ทำให้ชื่อของ “บาส-ปอป้อ” ได้รับการพูดถึงในวงการกีฬาไทย ว่าคู่นี้แหละจะสามารถสร้างผลงานและชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกมากมายอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนคิดแบบนั้น มันไม่ใช่แค่เพราะผลงานแข่งขันเท่านั้น แต่มันก็เป็นเพราะสไตล์การเล่นของทั้งคู่นั้นเข้าขามีการสอดประสานกันเป็นอย่างดี อีกคนเหนียวแน่นอีกคนโจมตีได้หนักหน่วง ซึ่งเป็นความลงตัวในแบบคู่ผสมขนานแท้  

แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวขณะที่หลายคนกำลังชื่นมื่นกับผลการแข่งขันของ “บาส-ปอป้อ” ในประเภทคู่ผสม ตัวของ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก็กำลังจะลุ้นสร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 เหรียญทองซีเกมส์ เพราะเจ้าตัวหลังจากคว้าเหรียญทองในประเภททีมหญิงกับคู่ผสมได้แล้วนั้น ก็ยังเหลือการจับคู่กับ "เอิร์ธ" พุธิตา สุภจิรกุล ในประเภทหญิงคู่ที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ คู่ของ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิตติธรากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ ซึ่งในช่วงเวลานั้นแฟนแบดมินตัวก็ต่างลุ้นเชียร์ให้ปอป้อสร้างประวัติศาสตร์ให้สำเร็จ

โดยเกมการแข่งขันในวันนั้นสู้กันอย่างสูสีแต่เกมแรกเป็นของ "กิ๊ฟ-วิว" ที่สามารถเอาชนะคู่ของ "ปอป้อ-เอิร์ธ" ไปก่อน 16-21 คะแนน จากนั้นในเกมที่ 2 ขณะที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ก็เป็น "ปอป้อ" ที่ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้ายจนไม่สามารถแข่งต่อได้ และขอยอมแพ้ในแมตช์ดังกล่าวและรับเหรียญเงินไปคล้องคออย่างน่าเสียดาย

แต่ที่ร้ายยิ่งกว่าการชวดสร้างประวัติศาสตร์ 3 เหรียญทองก็คืออากรบาดเจ็บดังกล่าวทำให้ “ปอป้อ” จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดและรักษาตัวเป็นระยะเวลากว่า 8 เดือนกว่าอาการจะดีขึ้น จนสามารถกลับมาลงสนามได้

“คงจะฝึกซ้อมตามปกติไม่ได้อีกยาว แต่ก็ไม่ได้หยุดการฝึกซ้อมเสียทีเดียว ช่วงนี้ต้องฝึกซ้อมในส่วนที่สามารถทำได้ เพื่อดูแลสภาพกล้ามเนื้อที่ไม่ได้รับบาดเจ็บให้คงสภาพไว้ และให้ความคุ้นชินต่างๆ ในการตีลูกยังดีอยู่ รวมทั้งต้องเตะขาเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เหมือนเป็นการรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุดในวันที่หายดีแล้วจะได้ซ้อมได้เต็มที่ เจ็บครั้งนี้เหมือนเป็นบทเรียนว่าเราต้องดูแลร่างกายให้ดีกว่าเดิม”

“ถามตัวปอป้อเองคิดว่าจะหายเมื่อไร ก็คิดไว้ว่าน่าจะ 6 เดือนคงกลับมาซ้อมได้ ถามว่ารีบมั้ยก็ยอมรับว่ารีบ เพราะอยากลงเล่น แต่ต้องดูสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ถ้าไม่หายก็ไม่เร่ง ต้องรักษาให้หายดีที่สุดก่อน อาการเจ็บของป้อกับตังไม่เหมือนกัน เพราะของตังเกิดจากการปะทะด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะกลับมาได้เร็วกว่า 8 เดือน”

“ตอนนี้ถือว่าได้พักผ่อน เพราะตั้งแต่เล่นแบดมินตันมาก็ยังไม่เคยได้พักเลย ส่วนเรื่องอันดับมือโลก คงจะลดลงไม่มาก เพราะรายการสำคัญมีไม่มากแล้ว มีเพียงซูเปอร์ซีรีส์ ไฟนอลส์ ที่ดูไบรายการเดียว ตอนนี้ทีมสต๊าฟโค้ชเตรียมโปรแกรมฝึกซ้อมให้พร้อมแล้ว รอให้อาการดีขึ้นกว่านี้อีกสักระยะก่อน”


“ปอป้อ” กล่าวถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองกับสื่อมวลชนอย่างมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2017

ในช่วงการรักษานั้น "ปอป้อ" มีวินัยเป็นอย่างมาก เจ้าตัวทำทุกอย่างที่ทีมงานรักษากำหนดให้ทำแม้จะต้องเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่เคยย่อท้อ ที่สำคัญเจ้าตัวก็ฟิตซ้อมรักษาสภาพร่างกายอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้มีอาการบาดเจ็บซ้ำเดิมอีก นอกจากนี้ “ปอป้อ” ก็ได้รับกำลังใจจากพาร์ทเนอร์อย่าง “บาส” เป็นอย่างดีเพื่อรอวันที่จะได้กลับมาเล่นคู่กันอีกครั้ง

ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันแบดมินตันได้ที่นี่

กลับมาคว้ารองแชมป์ 2 รายการใหญ่

หลังจาก “ปอป้อ” รักษาอาการบาดเจ็บจนหายดีเจ้าตัวก็กลับมาลงสนามอีกครั้งและก็มุ่งเน้นไปที่การแข่งขันในประเภทคู่ผสมกับ “บาส” เป็นหลัก การกลับมาในครั้งนี้ทั้งคู่มีการฝึกซ้อม ปรับจังหวะและแก้ไขข้อผิดพลาดกันอย่างเข้มข้น และการลงทุนลงแรงดังกล่าวก็ส่งผลลัพธ์ที่ดีเมื่อ “บาส-ปอป้อ” สามารถกลับมาลงสนามและมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด

ทั้งคู่สามารถขึ้นโพเดียมร่วมกันได้อย่างมากมายเริ่มต้นจากการคว้าตำแหน่งรองแชมป์รายการเดนมาร์ก โอเพ่น (Denmark Open) ปี 2018 รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 750 (BWF Super 750) ซึ่งเป็นรายการใหญ่ ตามต่อด้วยอีก 2 รองแชมป์ในปี 2019 จากรายการไทยแลนด์ มาสเตอร์ และมาเลเซีย มาสเตอร์ รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 300 และ 500 ตามลำดับ

Scroll to Continue with Content

หลังจากที่ “บาส-ปอป้อ” คว้ารองแชมป์ไปใน 2 รายการในการเริ่มต้นปี 2019 ทั้งคู่ก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่องและสามารถคว้าแชมป์รายการจากสิงคโปร์ โอเพ่น รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 500 มาครองได้ นับเป็นแชมป์รายการระดับอาชีพรายการที่ 2 ของ “บาส-ปอป้อ” ในประเภทคู่ผสม จากนั้นในช่วงเดือนสิงหาคมของปีดังกล่าวก็เป็นการแข่งขันรายการใหญ่อย่างแบดมินตันชิงแชมป์โลก หรือรายการบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมปเปียนชิพ (BWF World Championship) ปี  2019 ณ บาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

โดยในการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งนั้นไฮไลท์อยู่ที่ในรอบรองชนะเลิศที่ “บาส-ปอป้อ” สามารถปราบ “หวัง ยี่ลู่” กับ “หวง ตงปิง” มือวางระดับโลกจากจีนในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะไปพ่ายแพ้ให้กับ "เจิ้ง ซีเว่ย" กับ "หวง ย่าเฉียง" อีกคู่มือดีระดับโลกจากประเทศจีนในรอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์ไปครองได้  

การได้รองแชมป์โลกของทั้งคู่ได้สร้างปรากฎการณ์ความหวังให้กับแฟนๆ และวงการแบดมินตันไทย มันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่ให้ “บาส-ปอป้อ” มาจับคู่กันนั้นเป็นอะไรที่มาถูกทางแล้ว เพราะหลังจากนั้นทั้งคู่ก็สามารถกวาดแชมป์ได้อีกทั้งรายการโคเรีย โอเพ่น 2019 (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 500) และมาเก๊า โอเพ่น 2019 (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 300) จากนั้นในช่วงต้นปี 2020 “บาส-ปอป้อ” ก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการแบดมินตันที่เก่าแก่ที่สุดอีกรายการอย่างออล อิงแลนด์ โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 1000)

แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่อาจจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์รายการนี้ได้เมื่อต้องพ่ายให้กับ "ปราวีน จอร์แดน" และ "เมลาติ แดวา อ๊อกตาเวียนติ" จากอินโดนีเซียไปอย่างน่าเสียดาย ได้ตำแหน่งรองแชมป์ไปลอบใจอีกครั้ง

Badminton Thai Today

คว้า 3 แชมป์ใหญ่ที่ไทยจุดประกายความหวังเหรียญโอลิมปิกเกมส์

ปี 2021 หลังจากทั่วโลกต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักไปเช่นเดียวกับโลกของแบดมินตันที่ก็ต้องหยุดไปเช่นกันในช่วงกลางถึงปลายปี 2020 จากนั้นก็กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ในปี 2021 โดยเริ่มต้นที่ 3 รายการใหญ่ในประเทศไทยอย่างไทยแลนด์ โอเพ่น 1 กับไทยแลนด์ โอเพ่น 2 ที่อัพเลเวลเป็นรายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 1000 และรายการบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล 2020 ซึ่งการแข่งขันทั้ง 3 รายการนี้จะเป็นการนำร่องการจัดกีฬาต่างๆ ในยุคการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในรายการใหญ่ทั้ง 3 รายการนั้น "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก็สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ครบทุกรายการจนจุดประกายความหวังในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ย้ายมาแข่งขันในปี 2021 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

“บาส-ปอป้อ” มีความมุ่งหวังเป็นอย่างมากที่จะคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ที่โตเกียว ทั้งคู่ฟิตซ้อมอย่างหนักเพื่อเป้าหมายที่วางเอาไว้ ทั้งเอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี่ และสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ต่างดูแลทั้งคู่อย่างดีเพื่อให้เกิดความพร้อมมากที่สุด ทุกคนมองว่าคู่แข่งสำคัญของทั้งคู่มีเพียง "เจิ้ง ซีเว่ย - หวง ย่าเฉียง", “หวัง ยี่ลู่ - หวง ตงปิง” และ "ปราวีน จอร์แดน - เมลาติ แดวา อ๊อกตาเวียนติ" ที่อาจไปโคจรเจอกันในรอบ 4 คนสุดท้าย โดยมี “ยูตะ วาตานาเบะ - อาริสะ ฮิกาชิโนะ” ของเจ้าภาพเป็นอีกคู่สอดแทรกที่สำคัญ

แต่เมื่อลงสนามแข่งขันจริงแล้วกลายเป็นว่าศัตรูที่แท้จริงคือความกดดันของทั้งคู่เอง โดยในรอบแรกนัดสุดท้ายที่เป็นการแย่งชิงอันดับที่ 1 ของกลุ่มนั้น คู่ต่อสู้ของ “บาส-ปอป้อ” คือ “มาร์คัส เอลลิส” กับ “ลอเรน สมิธ” จากสหราชอาณาจักรที่ไม่ว่าจะดูเหลี่ยมไหนนักแบดมินตันไทยก็น่าจะผ่านได้ไม่ยากแต่ว่าของเอาเข้าจริงกลายเป็น “บาส-ปอป้อ” ต้องพ่ายแพ้ไปแบบเหลือเชื่อซึ่งแม้จะเข้ารอบแต่ก็ต้องไปพบกับศึกหนักอย่าง “ยูตะ วาตานาเบะ” กับ “อาริสะ ฮิกาชิโนะ” และทั้งคู่ก็ต้องพ่ายคู่ญี่ปุ่นไปอีกครั้งตกรอบ 8 คู่สุดท้ายชวดเหรียญโอลิมปิกเกมส์ไปแบบไม่คาดคิด

ผลการแข่งขันดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้กับ “บาส-ปอป้อ” เป็นอย่างมาก รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มันเป็นความพ่ายแพ้ที่หมดลุ้นก่อนจะถึงช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้

“ครั้งนี้เราก็ตั้งใจไว้สูง ผลการแข่งขันแบบนี้ เราก็เสียดายเหมือนกันค่ะ แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ นอกจากต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น จนกว่าจะถึงโอลิมปิกเกมส์ครั้งต่อไป”

นี่คือความรู้สึกหลังเกมดังกล่าวของ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เช่นเดียวกับ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ที่ยอมรับว่าเกมดังกล่าวมาจากความผิดพลาดเองของฝั่งไทย และต้องก้าวข้ามเพื่อมองไปข้างหน้า

“แมตช์นี้ มีข้อผิดพลาด เล่นเกมรับเยอะเกินไป แต่ก็ต้องกลับไปปรับปรุง และทำให้ดีขึ้นกว่านี้ให้ได้”

ซึ่งจากบทสัมภาษณ์ที่มีต่อสื่อมวลชนนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดหวังของทั้งคู่เป็นอย่างดี พวกเข้าจะเดินหน้าไปกันต่อได้หรือไม่นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในหัวของแฟนทัพลูกขนไก่ไทย

มูฟออนจากความผิดหวัง ข้ามกำแพงคู่ปรับโอลิมปิก

หลังจากที่ “บาส-ปอป้อ” ต้องผิดหวังจากโอลิมปิกเกมส์ ทั้งคู่ก็พยายามจะกลับมาอยู่ในเส้นทางการแข่งขันในระดับสูงอีกครั้ง และทั้งคู่ก็สามารถขึ้นโพเดียมในรายการเดนมาร์ก โอเพ่น 2021 รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 1000 ได้สำเร็จ แต่ก็ได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์เท่านั้นเพราะในรอบชิงชนะเลิศทั้งคู่โดน “ยูตะ วาตานาเบะ” กับ “อาริสะ ฮิกาชิโนะ” คู่ปรับเมื่อตอนโอลิมปิกเกมส์ย้ำแค้นไปอีกครั้ง

แต่หลังจากนั้น “บาส-ปอป้อ” ก็สามารถคว้าแชมป์ได้อีก 4 รายการเริ่มจากฮาโล โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 500), อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 750), อินโดนีเซีย โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 1000) และรายการบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล 2021 โดยเฉพาะในสองรายการหลังซึ่งเป็นรายการใหญ่ “บาส-ปอป้อ” สามารถเอาชนะ “ยูตะ วาตานาเบะ” กับ “อาริสะ ฮิกาชิโนะ” ได้สำเร็จล้างตาจากที่เคยถูกคู่นี้สกัดความหวังไปในโอลิมปิกเกมส์และเดนมาร์ก โอเพ่น

จากนั้นในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลกหรือรายการบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมปเปียนชิพ ปี  2021 ที่ประเทศสเปน “บาส-ปอป้อ” ก็ยังสามารถย้ำแค้น “ยูตะ วาตานาเบะ” กับ “อาริสะ ฮิกาชิโนะ” ได้อีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ และในครั้งนี้ทั้งคู่ก็ปราบคู่หูจากญี่ปุ่นลงอย่างราบคาบ 2-0 เกม 21-13, 21-14 คะแนน คว้าแชมป์โลกไปครองได้เป็นสมัยแรก และเป็นการก้าวข้ามกำแพงครั้งสำคัญของทั้งคู่

สร้างผลงานรอพิสูจน์ฝีมือในโอลิมปิกเกมส์

หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปี 2021 กวาดแชมป์รายการใหญ่ไปมากมาย “บาส-ปอป้อ” ก็ยังสามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจในปีถัดมา แม้จะเริ่มมีอาการแกว่งไปบ้างในบางครั้งแต่สุดท้ายก็ยังสามารถรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองได้ ในปี 2022 “บาส-ปอป้อ” สามารถขึ้นโพเดียมได้ 6 รายการ โดยเป็นการคว้าแชมป์ได้ 3 รายการ เยอรมัน โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 300), สิงคโปร์ โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 500) และแจแปน โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 750) โดยใน 2 รายการหลังทั้งคู่ก็ปราบ “หวัง ยี่ลู่ - หวง ตงปิง” และ “ยูตะ วาตานาเบะ - อาริสะ ฮิกาชิโนะ” ได้ในรอบชิงชนะเลิศ

ส่วนรองแชมป์ 3 รายการอย่างไทยแลนด์ โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 500), มาเลเซีย โอเพ่น (บีดับเบิลยูเอฟ ซุปเปอร์ 750) และรายการบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล 2022 นั้น “บาส-ปอป้อ” พ่ายให้กับ "เจิ้ง ซีเว่ย" กับ "หวง ย่าเฉียง" ทั้ง 3 รายการ ถือว่าเป็นกำแพงเมืองจีนที่ทั้งคู่ต้องรีบหาทางก้าวข้ามไปให้ได้ เพราะอย่างไรเสียคู่นี้ก็จะต้องวนเวียนมาพบกับ “บาส-ปอป้อ” อีกหลายต่อหลายครั้งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะรายการสำคัญอย่างโอลิมปิกเกมส์

และล่าสุด "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันประเภทคู่ผสมมือวางอันดับ 3 ของโลก ก็สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันแบดมินตันรายการเปอโรดัว มาเลเซีย มาสเตอร์ส พรีเซนต์เต็ด บาย ไดฮัทสุ (Perodua Malaysia Masters 2023 presented by Daihatsu) ปี 2023 รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ระดับซุปเปอร์ 500 มาครองได้สำเร็จเมื่อช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแชมป์รายการนี้ถือว่าเป็นการคว้าแชมป์รายการแรกของปีนี้ ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศ “บาส-ปอป้อ” ต้องโคจรมาพบกับคู่ของ “เฟิง เหยียน เจ๋อ” กับ “หวง ตง ปิง” คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากประเทศจีนและก็สามารถพลิกสถานการณ์เอาชนะไปได้ 2-1 เกม 16-21, 21-13, 21-18

นี่คือเรื่องราวของ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันประเภทคู่ผสมของไทยที่สร้างผลงานระดับโลกไว้มากมาย เหลือเพียงอีกเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการคว้าเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ 2024 เรามาติดตามและให้กำลังใจทั้งคู่กันครับ

บทความโดย : The Sportory - เต้นคุง

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำไมต้องดูแบดมินตัน ไทยแลนด์ โอเพน? รายการแบดมินตันสำคัญของไทย

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก