วัดกันหมัดต่อหมัด : ทำไม SGA ถึงเหมาะสมเป็นตัวจริงเกม All-Star มากกว่า สเตฟเฟน เคอร์รี?

เรียกได้ว่าเป็นที่ถกเถียงกันไม่พักเลยทีเดียวสำหรับประเด็นเรื่องตัวจริงเกม All-Star ตำแหน่งการ์ดของ ฝั่งตะวันตกในฤดูกาลนี้ เพราะว่าเจ้าหนุ่ม เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ของ โอคลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ นั้นฟอร์มร้อนแรงแบบใครก็หยุดไม่อยู่ จนพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนท็อป 5 MVP

ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ผู้คุมตำแหน่งตัวจริง All-Star มานานหลายปีอย่าง สเตฟเฟน เคอร์รี ถึงกับร้อนผ่าวและเสียวสันหลังไม่น้อยว่าจะโดนรุ่นน้องคนนี้ชิงเอาไป เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปวัดกันชัดๆเลยว่าตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาจนถึงตอนนี้ ทำไม SGA ถึงสมควรเป็นตัวจริงมากกว่า สเตฟเฟน เคอร์รี

แต่ก่อนที่จะเข้าไปดู ขอย้ำอีกครั้งว่า All-Star คือฟอร์มของฤดูกาลนี้ ไม่เกี่ยวกับอดีต เพราะฉะนั้นนี่คือการเปรียบเทียบในฤดูกาลให้ดูชัดๆว่าใครฟอร์มดีกว่ากัน ถ้าหากใครพร้อมเข้าไปพิสูจน์ความจริงแล้ว ติดตามได้เลยที่นี่

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัดคลิก

ทำไม SGA ถึงเหมาะสมเป็นตัวจริงเกม All-Star มากกว่า สเตฟเฟน เคอร์รี

จุดเด่นของการแข่งขันเกม All-Star คือการโหวตจากแฟนๆ (50% ของคะแนนทั้งหมด) เรื่องนี้ไม่ว่าเป็นใครที่ติดตาม NBA มาก็ย่อมรู้ดี แต่ในบทความนี้จะไม่ได้พูดถึงประเด็นนั้นเลยแม้แต่น้อยว่าใครจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่ากัน

เนื่องจากในบทความนี้จะชี้ประเด็นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นว่าทำไม เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ถึงควรได้เป็นตัวจริงมากกว่า สเตฟเฟน เคอร์รี จากผลงานที่เขาป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้จากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

สถิติระหว่าง SGA และ สเตฟเฟน เคอร์รี

ในการเปรียบเทียบระหว่างสองผู้เล่นครั้งนี้ เราจะใช้สถิติเป็นหน่วย “ต่อ 36 นาที” ไม่ใช่ “ต่อเกม” ทั้งนี้ก็เพื่อความแฟร์ เนื่องจากทั้งสองคนนี้ได้ลงเล่นในนาทีไม่เท่ากันในแต่ละเกม มันจึงต้องการตัวกลางเปรียบเทียบเพื่อให้การเปรียบเทียบนั้นชัดเจนที่สุด

สถิติจากวันที่ 3 มกราคม 2024

เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ คือแกนนำเบอร์ 1 ของ โอคลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ ในฤดูกาลนี้ที่พาทีมของเขาทะยานขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ของสายตะวันตก ด้วยฟอร์มระดับนี้มันจึงน่าสนใจว่าถ้ามาเทียบกับ สเตฟเฟน เคอร์รี จะเป็นอย่างไร

ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ค่อนข้างชัดเจนว่า SGA ดีกว่าในทุกๆด้าน อย่างเรื่องการทำแต้ม (ต่อ 36 นาที) เช ก็ทำได้เหนือกว่า เคอร์รี ด้วยการยิงฟิลด์โกลที่แม่นยำกว่า แต่นั่นไม่ได้บ่งบอกประสิทธิภาพทั้งหมด เพราะหากจะต้องดูประสิทธิภาพในการทำแต้มจริงๆก็คงต้องดูที่ TS%

จากตารางด้านบน จะเห็นได้ว่า SGA มีการทำแต้มที่มากกว่า เคอร์รี ถึง 2.9 แต้ม แถมยังมี TS% ที่ดีกว่าด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงสามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่า ทั้งจำนวนการยิงและการแบกรับภาระในเกมรุกของ เช นั้นทำได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเคอร์รี 

ประเด็นถัดมาคือการสร้างเกม เช ก็มีแอสซิสต์ข่ม เคอร์รี อยู่ไม่น้อย พร้อมกันนั้น เมื่อเราหันมามองดูค่า แอสซิสต์ต่อเทิร์นโอเวอร์ เชก็ยังกินขาดด้วยการแอสซิสต์ได้ 3.34 ครั้งกว่าจะเสียเทิร์นโอเวอร์สักครั้งหนึ่ง แต่ เคอร์รี มีแอสซิสต์ น้อยกว่า และ เทิร์นโอเวอร์ บ่อยกว่า มันจึงทำให้ตัวเลขของค่านี้มีเพียงแค่ 1.48 เท่านั้นเอง

ตัดภาพมาที่เกมรับ เชก็ยังเหนือด้วยการรีบาวด์ที่มากกว่า พร้อมกับการสตีลที่เป็นอันดับ 1 ของลีกที่ 2.7 ครั้งต่อ 36 นาที (2.6 ครั้งต่อเกม) และนี่ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ ธันเดอร์ ได้สวนกลับเร็วอยู่หลายต่อหลายครั้ง

สุดท้ายค่าก็คือค่า EPM หรือมาตราวัดผลกระทบของผู้เล่นจาก dunksandthrees.com ก็ชี้ชัดว่า เช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ มีค่าผลกระทบที่ดีกว่า เคอร์รี ในฤดูกาลนี้อย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น EPM รวม ที่มากสุดรองจาก โจเอล เอ็มบีด เท่านั้น, EPM เกมรุก (OEPM) ที่อยู่ในท็อป 5 ของลีก และ EPM เกมรับ (DEPM) ที่เป็นบวก ส่วน เคอร์รี นั้นเป็นลบ

จากสถิติส่วนตัวรวมถึงอันดับของทีม ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะชี้ชัดแล้วจริงๆว่า SGA ควรเป็นตัวจริง All-Star มากกว่า สเตฟเฟน เคอร์รี ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไรก็ตาม

บทความที่เกี่ยวข้อง : แบบนี้ก็มีด้วย? เททัมเผยความเชื่อสุดแปลกที่เมื่อทำแล้วเขาจะกลายเป็นผู้เล่น ท็อป 5 ของลีก

บทความที่เกี่ยวข้อง : สักผิดหรือจงใจ? เผยเบื้องหลังรอยสัก จอร์แดน ยิงมือซ้ายบนหลัง วินิซิอุส จูเนียร์

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH

Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th

Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand