นี่เป็นครั้งแรกในเพลย์ออฟปี 2023 ที่ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ เสียเกมในบ้านไปให้กับคู่แข่งซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศ NBA ที่ ไมอามี ฮีต สามารถยัดเยียดความปราชัยให้กับ นักเก็ตส์ ไปได้ 111-108 ในเกมที่ 2 และตีเสมอซีรีส์ไปได้ 1-1 เกม
แม้ว่าในเกมนี้ ฮีต จะโดนนำมากสุดถึง 15 แต้ม, ซุปเปอร์สตาร์ของพวกเขาอย่าง จิมมี บัตเลอร์ จะยิงฟิลด์โกลลงไปแค่ 7 จาก 19 ลูก และ นิโคลา โยคิช กดแต้มไปทั้งหมด 41 คะแนน แต่ทว่าพวกเขาก็ยังดีพอที่จะคว้าชัยชนะออกไปได้จากถิ่น บอล อารีน่า
เรื่องที่น่าสนใจในการแก้เกมของ ฮีต ก็คือการจัดตัวจริงชุดใหม่ลงสนามและใช้ผู้เล่นถึง 10 คนด้วยกันเพื่อหาหนทางที่ทีมจะได้สูตรที่เหมาะสมที่สุดในการชนะซีรีส์นี้
และนี่คือการแก้เกมของ ไมอามี ฮีต ที่พวกเขาใช้ในเกมสองจนได้รับชัยชนะไปในเกมนี้
ร่วมเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันNBAได้ที่นี่
ไมอามี ฮีต แก้เกมอย่างไร? จนชนะเกมสองได้ในรอบชิง NBA
การใส่ เควิน เลิฟ เข้าไปในชุดตัวจริง
ในเกมที่สอง อีริค สโปลส์ตรา ตัดสินใจที่จะส่ง เควิน เลิฟ ลงแทนที่ เคเล็บ มาร์ติน ที่มีอาการป่วยอยู่ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลให้ ฮีต มีขนาดตัวผู้เล่นที่ใหญ่ขึ้นในสนามมากกว่าเกมแรก โดย เลิฟ ทำไปได้ทั้งหมด 6 แต้ม, 10 รีบาวด์ และ 2 สตีล ตลอด 22 นาทีที่เขาลงเล่นและทีมสามารถทำแต้มได้มากกว่า เดนเวอร์ ถึง 18 แต้มเมื่อตัวของเขาอยู่ในสนาม
แม้ว่าตัวเลขในการทำแต้มของเขาจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่นแต่ เลิฟ ถือว่าเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับ ไมอามี ฮีต อย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
การยิงสามคะแนนที่ดีขึ้น
หลังจากที่ ฮีต ยิงสามคะแนนลงไปเพียง 7 จาก 27 ลูกในช่วงสามควอเตอร์แรกของเกมที่หนึ่ง พวกเขาจึงไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นมันซ้ำรอย นี่จึงทำให้ ฮีต สามารถกลับมาเล่นเกมที่ 2 ได้อย่างแข็งแกร่งและพิสูจน์ว่าพวกเขาคือทีมที่ยิงสามคะแนนได้ดีที่สุดในเพลย์ออฟด้วยการจัดสามแต้มไปทั้งหมด 17 จาก 35 ลูก (48.6 เปอร์เซนต์)
และคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็ไม่ใช่ใคร เขาคือคนที่ยิงสามแต้มไป 9 ลูกแต่ไม่ลงเลยในเกมที่แล้วอย่าง แม็กซ์ สตรูส ที่เกมนี้เขายิงลงไปถึง 40 เปอร์เซนต์ (4-10) บวกกับ เกบ วินเซนต์ (4-6) และ ดันแคน โรบินสัน (2-3) ที่ช่วยทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากๆ ซึ่งถ้าพวกเขาทำได้แบบนี้อย่างต่อเนื่อง เกมรุกของพวกเขาจะเป็นปัญหาสำหรับ เดนเวอร์ แน่นอน
การเล่นเกมรับโดยใช้โซน
หลังจากจบควอเตอร์ที่สาม ผู้มาเยือนอย่าง ไมอามี ฮีต นั้นเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 8 แต้ม แต่ทว่าพวกเขาก็สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็วโดยการเล่นเกมรับแบบโซน
ไมอามีสามารถเปิดหัวควอเตอร์ 4 ด้วยความร้อนแรงโดยจัดชุดใหญ่ไปก่อนจากการรัน 11 ต่อ 2 แต้มจนขึ้นนำไปได้และยังขยับหนีห่างออกไปอีกโดยมากสุดถึง 12 คะแนนก่อนที่ เดนเวอร์ จะค่อยไล่กลับมาจนเหลือแค่หนึ่งการครองบอลเท่านั้นในช่วงวินาทีสุดท้าย แต่จากควอเตอร์สี่เราก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเล่นโซนของ ฮีต ในเกมรับทำให้ นักเก็ตส์ เล่นยากแค่ไหนในเกมรุก
ฮีตมีดีมากกว่า จิมมี บัตเลอร์ และ แบม อเดบาโย
42 แต้มกับ 13 แอสซิสต์ นี่คือสถิติรวมกันระหว่าง จิมมี บัตเลอร์ และ แบม อเดบาโย ในเกมที่สอง แม้ว่าทั้งสองคนจะมีส่วนร่วมกับเกมและทำได้ดีแค่ไหนแต่ถ้าเพื่อนร่วมทีมไม่ก้าวขึ้นมาช่วย มันจะเป็นเรื่องยากของ ฮีต ในทันทีที่จะชนะในแต่ละเกม
เริ่มต้นด้วย แม็กซ์ สตรูซ ที่ทำไป 12 จาก 14 แต้มในช่วงควอเตอร์แรกจนทำให้ ฮีต นำห่างออกไปก่อน และเมื่อ สตรูซ ไม่สามารถทำได้ ก็ถึงคราวของ เกบ วินเซนต์ ที่ทำไปได้ถึง 23 ในเกมนี้โดยกดไปถึง 14 แต้มในควอเตอร์ที่สาม ก่อนที่จะปิดด้วย ดันแคน โรบินสัน ที่ทำไปทั้งหมด 10 แต้มและและแต้มทั้งหมดของเขาได้เกิดขึ้นในควอเตอร์ที่ 4 ล้วนๆจนพาทีมคัมแบ็คกลับเข้ามาสู่เกมและชนะไปได้ในที่สุด
การเล่นแบบไม่มีบอลที่มากขึ้นของ ไมอามี ฮีต
เรามาคุยกันเรื่องเกมรุกในสนามที่เกิดขึ้นจนพาทีมกอบโกยแต้มในควอเตอร์ที่สี่กันสักหน่อย
นี่คือจุดที่สำคัญมากๆของ ฮีต ที่สามารถส่งพวกเขาไปสู่ชัยชนะได้ก็คือการเล่นแบบไม่มีบอลอย่างเช่นสองลูกด้านล่างนี้ที่ทำให้เกมรับของ เดนเวอร์ สับสนจน เกบ วินเซนต์ ได้ลูกยิงสามคะแนนโล่งๆ และ ดันแคน โรบินสัน ที่ได้ลูกเลย์อัพใต้แป้นไปได้ง่ายๆ
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นจากหลายๆลูกที่ ฮีต ทำได้เพราะทั้งเกมในวันนี้ ฮีต มีการเล่นโดยไม่มีบอลอย่างต่อเนื่องจนการถ่ายเทบอลของ ไมอามี ฮีต ทำให้เกิดลูกยิงโล่งๆหลายต่อหลายครั้ง
เพราะฉะนั้นตาต่อไปก็ถึงคราวของ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ แล้ว ที่จะต้องแก้เกมเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีมอีกครั้ง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุดลุยศึก FIBA บาสเกตบอลชิงแชมป์โลก 2023 มีใครบ้าง?
บทความที่เกี่ยวข้อง : โวเกลดีแค่ไหน? ทำไมซันส์เลือกเป็นโค้ชล่าแชมป์ NBA
บทความที่เกี่ยวข้อง : โยคิชสร้างประวัติศาสตร์! หลังทำ ทริปเปิล-ดับเบิล ในรอบชิงชนะเลิศ NBA