คริส แอนเดอร์เซ่น ชีวิตของ "เบิร์ดแมน" : วันที่หลุดจากกรง หลงทาง กลับรัง และบินอย่างสง่างาม

11-22-2022
3นาทีที่อ่าน

หากพูดถึงนักบาส NBA จอมสร้างสีสันแห่งวงการในยุคต้น 2000s คุณอาจนึกชื่อของเหล่านักยัดห่วงได้มากมาย แต่ถ้าหากบอกว่าจอมสีสันทั้งลีลาและบนเลือนร่างไปจนถึงทรงผมละก็ เชื่อว่า การทายชื่ออาจจะแคบลงมา

NBA LEAGUE PASS สมัครเพื่อชมการแข่งขันเอ็นบีเอสดทุกนัด คลิกเลย

แล้วถ้าใบ้ต่อด้วยว่าคว้า 1 แชมป์ พร้อมกับการมีฉายาคือ “เบิร์ดแมน” แฟนบาสคงตอบได้พร้อมกันว่าเขาคือ คริส แอนเดอร์เซ่น อดีตผู้เล่นที่มีรอยสักแทบจะส่วนของร่างกาย พร้อมกับทรงผมหัวตั้งที่เป็นเอกลักษณ์

ฉายา “เบิร์ดแมน” ของเขาอาจถูกตั้งโดย เคนนี่ แซทเทอร์ฟิลด์ และ ลอรินซ่า แฮริงตัน เพื่อนร่วมทีมสมัยอยู่กับ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ แต่เอาเข้าจริง ชีวิตของเขาเหมือนนกที่โบยบินออกจากกรง ซึ่งมีทั้งวันที่บินลงสู่จุดต่ำสุด ไปจนถึงจุดสูงสุดในเส้นทางบาสเกตบอลอาชีพ

นกไร้รัง สู่การเป็นผู้เล่นดีลีกคนแรกที่ทีมใน NBA ยอมรับ

คริสโตเฟอร์ คลอส แอนเดอร์เซ่น มีเส้นทางของบาสเกตบอลเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป เขาลงเล่นในระดับมัธยมก่อนจะเล่นต่อในระดับมหาวิทยาลัยกับทีมเล็ก ๆ อย่าง บรินน์ คอลเลจ ความโดดเด่นของเขามีพอประมาณ แต่เจ้าตัวก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อเลือกกระโดดเข้าสู่การดราฟท์ในปี 1999 แต่ไม่มีทีมใดเลือกเขาเข้าสู่ทีม

แอนเดอร์เซ่น ใช้เวลา 3 ปีแรกไล่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ระดับบาสอาชีพ เซ็นสัญญากับทีม เจียงสู ดราก้อนส์ ในจีน 1 ฤดูกาล ก่อนกลับมาเล่นในลีกรองทั้ง ไอบีแอล และ ไอบีเอ อยู่ 2 ปี กระทั่งได้โอกาสเข้าร่วมโปรแกรมเก็บตัวกับทีมคลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ในปี 2001 และต่อมาได้รับสัญญาจาทีมฟีนิกซ์ ซันส์

ซึ่งไม่เพียงกี่สัปดาห์ก็ถูกทีมดังจากสายตะวันออกโละทิ้งออกจากทีม

แต่นั่นทำให้เขาได้โอกาสครั้งสำคัญจากทีม ฟาเย็ตเตวิลล์ แพทริอ็อตส์ ทีมในระดับดีลีก ซึ่งดราฟท์เขาด้วยอันดับ 1

หลังจากลงเล่นในลีกพัฒนานักบาสของ NBA อยู่เพียง 2 เกม เขาก็ได้รับข้อเสนอจาก เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ซึ่งแม้โอกาสในการลงสนามของเขาไม่มากนัก แต่เมื่อเอาสถิติที่เขาทำได้ไปเทียบกับเวลาลงเล่นระดับ 36 นาที เขากลายเป็นผู้เล่นที่รีบาวด์ และ บล็อค เก่งมากที่สุดคนนึงของลีก

เบิร์ดแมน ที่แฟน ๆ ต่างหลงรัก

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมมากนัก เพราะตลอด 3 ฤดูกาลแรกกับนักเก็ตส์ เจ้าตัวได้ลงเล่นเฉลี่ยราว ๆ 14-15 นาที และ เป็นตัวจริงเพียงแค่ 3 ครั้ง แต่จากลูกบู๊ ความทุ่มเท และ เอกลักษณ์ทางรูปร่างหน้าตาและรอยสักซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มนักกีฬาอวดดี อย่างไรก็ตามแฟน ๆ เลือกที่จะรักเขาเพราะสิ่งที่เขาสร้างประโยชน์แบบเกิน 100% ให้กับทีมเสมอ

เส้นทางกับเดนเวอร์ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ผลงานของเขาเข้าตาทีมอย่าง นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ จนพวกเขายื่นสัญญาให้ เบิร์ดแมนมาร่วมทีม ความโดดเด่นด้วยแรงกระโดดและความบ้าบิ่นในการกล้าเสี่ยงเล่นลูกที่อาจบาดเจ็บได้ (โดยเฉพาะการขึ้นบล็อคและดังค์) ทำให้เขาได้โอกาสเข้าร่วมแข่งขันสแลมดังค์ ในปี 2005 แต่นั่นเกือบจะเป็นฝันร้ายในชีวิต เมื่อเขาล้มเหลวในการสแลมลูกลงห่วงด้วยการพยายามวน ๆ ไป มากถึง 8 ครั้ง ทำเอาคนดูและเหล่าเพื่อนร่วมอาชีพในสนามงงไปตาม ๆ กัน

ที่ ฮอร์เน็ตส์ เขายังมีบทบาทเดิม ๆ คือเป็นองค์ประกอบของทีม แต่หลายเพลย์ในเกมป้องกันของเขามักเรียกเสียงเฮจากแฟน ๆ ในสนาม เช่นเดียวกับการติดเข้าไปอยู่ในไฮไลท์ประจำสัปดาห์ของสื่อต่าง ๆ

ผนวกกับรอยสักที่เพิ่มมากขึ้น ภายใต้ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยผมยาวสลวย แฟน ๆ ก็ยังรักเขาอยู่ดี จนกระทั่งถึงวันที่ความลับบางอย่างของเขาเปิดเผย

นกที่บินหลงทาง

จากความเคลือบแคลงใจของคนรอบข้างและการสังเกตการณ์ของทีม เกิดข้อสงสัยว่า แอนเดอร์สัน เสพยาและสารเสพติดมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว จนในที่สุดซีซั่น 2006-2007 เขาได้ถูกจับกุมเพราะละเมิดนโยบายของลีก NBA ที่ห้ามให้นักกีฬายุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดเป็นอันขาด

แอนเดอร์เซ่น ถูกระงับสถานะนักกีฬาของลีกเอ็นบีเอทันที แต่เพราะความประพฤติและการกลับตัวกลับใจ บวกกับการพยายามแสดงให้ลีกเห็นด้วยการใช้เวลาว่าง จากการรอคืนสถานะนักบาสของลีกด้วยการไปทำบำบัดตัวเอง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ ไปร่วมเป็นผู้ฝึกสอนให้กับทีมบาสเกตบอลชายในเมืองเดนเวอร์ ทำให้ในที่สุดความพยายามของเขาเป็นผล

4 มีนาคม 2008 สมาคมผู้เล่นเอ็นบีเอ อนุมัติคำร้องขอของแอนเดอร์เซ่น ที่ต้องการกลับสู่การเป็นผู้เล่นเอ็นบีเออีกครั้ง แน่นอนว่าทีมที่ถือสัญญาของเขาอย่าง ฮอร์เน็ตส์ ได้ตัวเขาไปร่วมงานต่อในช่วงปลายฤดูกาล 2008

Scroll to Continue with Content

แต่ แอนเดอร์เซ่น ที่สำนึกผิดและกลับตัวใหม่ มีเป้าหมายที่ต้องการจะไป 

บินกลับรัง เพื่อรับการนิรโทษกรรม

เบิร์ดแมน ได้กลับมาร่วมทีมนักเก็ตส์อีกคน และ ครั้งนี้เขาอยู่โยงยาวถึง 4 ปี และสร้างผลงานที่น่าประทับใจอีกเช่นเคย ฤดูกาล 2008-09 เขาลงเล่นเฉลี่ยแค่ 20.6 นาทีต่อเกม แต่กลับสร้างสถิติบล็อคสูงถึง 2.5 ครั้ง ดีที่สุดในอาชีพ 

ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตกับทีมนักเก็ตส์ ที่มอบโอกาสโชว์ฝีมือของเขาในปีแรกจนถึงโอกาสหนที่สอง เชื่อว่าลึก ๆ แอนเดอร์เซ่นรู้สึกขอบคุณทีม ๆ นี้เสมอมากับโอกาส 7 ปี ที่เขาได้แสดงฝีมือในเกมบาสระดับสูงสุด จนถึงวันที่เขาต้องเสียสละตัวเองเพราะนโยบายการประหยัดรายจ่ายของทีม

มาไซ อูจิรี่ ซึ่งเป็นประธานของทีม ณ เวลานั้น เจรจากับ เบิร์ดแมน ถึงการขอปล่อยตัวเขาออกจากทีมภาายใต้กฎนิรโทษกรรมผู้เล่นตัวเอง ซึ่งหมายถึงว่า ทีมสามารถปล่อยผู้เล่นที่ไม่ใช่งานออกไปได้ เพื่อเซฟเพดานค่าจ้างสำหรับการเสี่ยงที่จะโดนภาษีฟุ่มเฟือย แต่ทีมยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามสัญญาจนจบ หรือ จนกว่าจะมีทีมใหม่เข้ามารับผิดชอบมูลค่าของสัญญานั้นแทน

นกฟีนิกซ์ ที่ถูกคืนชีพเพื่อการคว้าแชมป์

เส้นทางอันโลดโผนของ แอนเดอร์เซ่น ไม่ได้จบลงในปี 2012 (ซึ่งเขาอายุ 34 ปีแล้วด้วย แถมมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เสมอ) เพราะ ไมอามี่ ฮีต ทีมที่กำลังสร้างขุมกำลังชั้นดีด้วยงบประมาณจำกัด กำลังต้องการรวบรวมชิ้นส่วนเพื่อเป้าหมายในการล่าแชมป์

เอริค สโปเอลสตรา เฮดโค้ชของทีมพูดคุยกับ แพท ไรลี่ย์ ประธานของฮีตว่า เขาต้องการตัวแอนเดอร์เซ่น นับตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าจะถูกโละออกจากนักเก็ตส์แล้ว และในที่สุด ฮีต ก็ยื่นสัญญา 10 วันทำกับ เบิร์นแมน ได้กลับมาโบยบินในลีก NBA อีกหน

มกราคม 2013 ทันทีที่ แอนเดอร์เซ่น ได้สัญญา 10 วันฉบับแรกเขาก็สร้างอิมแพคเชิงบวกกับทีมทันที จนตามมาด้วยสัญญา 10 วัน ฉบับที่สอง และเปลี่ยนเป็นสัญญาจ้างจนจบฤดูกาล

นับตั้งแต่ฮีตได้ เบิร์ดแมน ร่วมทีม พวกเขาสร้างสถิติชนะ 27 เกมรวด และคว้าชัยชนะ 37 จาก 40 เกมสุดท้ายของช่วงฤดูกาลปกติ หากคุณมองแค่สถิติ แอนเดอร์สัน ไม่ได้โดดเด่นมากนักทำเฉลี่ย 4.9 แต้ม กับ 4.1 รีบาวด์ แต่คุณสมบัติเชิงบวกบางอย่างคือสิ่งที่จับต้องไม่ได้เช่น ความก้าวร้าว การเป็นตัวกระตุ้น สร้างความฮึกเหิม และ ทำให้ทีมไม่เคยรู้สึกหงอต่อคู่แข่ง ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

นกหัวขวานพ่นไฟอันร้อนระอุ

สไตล์ที่เด่นชัดตอน แอนเดอร์เซ่น อยู่กับทีมฮีตคือการทำทรงผมโมฮอว์ค เมื่อร่วมกับรอยสักที่ลายพร้อยไปทั้งตัวจนถึงคอ ยิ่งทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจทุกครั้งที่ก้าวลงสู่สนาม แน่นอนประสิทธิภาพเล่นที่ทุ่มเกินร้อยทุกจังหวะก็เช่นกัน 

อย่าลืมว่าเขาบล็อคเก่งมาก และ ทุกการบล็อคย่อมเรียกขวัญกำลังใจให้เพื่อน ๆ และเสียงเชียร์ดังกระหึ่มจากแฟน ๆ ที่มาเชียร์ทีมได้อยู่เสมอ

กระทั่งฮีตเข้าสู่เพลย์ออฟ แอนเดอร์เซ่น แปลงร่างเป็นเบิร์ดแมนพ่นไฟ ฟอร์มของเขาเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม ทั้งการโชว์ฟอร์มชู้ต 15 ลง 15 ครั้ง ตลอดเกม 1-5 ในซีรี่ส์รอบชิงแชมป์สายตะวันออกกับ อินเดียนา เพเซอร์ส ต่อด้วยการยิงฟิลด์โกลแม่นสุดในชีวิต ระหว่างซีรีส์รอบชิงชนะเลิศกับ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส

แม้ ฮีต ชุดนั้นคือซูเปอร์ทีม ที่นำโดย เลบรอน เจมส์, ดเวย์น เหวด และ คริส บอช แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอกว่า กับงบเซ็นผู้เล่นที่เหลือแล้วได้องค์ประกอบที่ฟอร์มดีทั้ง เรย์ อัลเลน, เชน แบตติเย่ร์, ไมค์ มิลเลอร์ และ คริส แอนเดอร์เซ่น พวกเขาเหล่านี้มีส่วนสำคัญกับการคว้าแชมป์ปี 2013 อย่างมาก

ความสำเร็จปี 2013 อาจเป็นแชมป์หนเดียวของ เบิร์ดแมน เพราะในปีต่อมาพวกเขาถูกสเปอร์สล้างแค้นคืนได้สำเร็จ ขณะที่ตัวเขาเองก็เข้าสู่บั้นปลายอาชีพ ก่อนจะย้ายไปอยู่ร่วมกับ เมมฟิส กริซลีส์ และ ปิดฉากอาชีพกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ในปี 2017 

แต่หากคุณอ่านมาทั้งหมดจะรู้เลยว่า เขาเป็นนกที่บินออกจากกรง ผ่านช่วงเวลาที่หลงทางและตกต่ำ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเขาได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากจุดสูงสุด และความรักที่เขาได้รับจากแฟน ๆ ก็เหมือนสายลมที่ยังคงอยู่กับเขาตลอดเวลา