ปีศาจแดงพังคาบ้าน: โซเซียดัดสมควรได้จุดโทษ?

09-09-2022
2นาทีที่อ่าน
Sporting News/David S. Bustamante/Soccrates/Getty Images

ประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดในเกมยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้แก่ จุดโทษที่ทำให้เรอัล โซเซียดัดบุกชนะแมนเสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกชนะถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-0

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้ ท่ามกลางข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบ็ธที่ 2

เรอัล โซเซียดัดได้ประตูชัยในต้นครึ่งหลัง จากจังหวะที่ลิซานโดร มาร์ติเนซบล็อกลูกยิงของดาบิล ซิลบา ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ ก่อนที่เบรสส์ เมนเดซ จะสังหารไม่พลาด

ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นพยายามโหมบุกอย่างหนักแต่ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้ ทำให้หยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 4 นัด

โรนัลโด้-แมกไกวร์ คืนทัพ คาเซมิโร่ประเดิม 11 ตัวจริง

  1H 2H FT
Manchester United 0 0 0
Real Sociedad 0 1 1


ผู้ทำประตู
0-1 เบรสส์ เมนเดซ (จุดโทษ) น.59

เกมนี้ เอริก เทน ฮาก เลือกดร็อป มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช, สกอตต์ แมคโทมิเนย์, ราฟาเอล วาราน และลิซานโดร มาร์ติเนซ ไว้ที่ม้านั่งสำรอง และหมุนเวียนผู้เล่นให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้กับแฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับมาเป็นตัวจริง ส่วนคาเซมิโร่ ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงนัดแรไม่ค่อกหลังย้ายมาจากเรอัล มาดริด

โรนัลโด้ มีโอกาสทำประตูให้ปีศาจแดงขึ้นนำ จากการโหม่งผ่านมืออเล็กซ์ รามิโร่ แต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า จากนั้นโซเซียดัดมีโอกาสบ้างจากอเล็กซานเดอร์ ซอร์ล็อธแต่ไม่เป็นประตู

Scroll to Continue with Content

จังหวะสำคัญของเกมเกิดขึ้น เมื่อดาบิด ซิลบายิงไปโดนมาร์ติเนซบล็อค บอลเด้งขึ้นจากขามาโดนแขน ผู้ตัดสินมาร์โก ดิ เบลโล พิจารณาจาก VAR ก่อนชี้ให้เป็นจุดโทษ และเป็นเบรสส์ เมนเดซ ซัดจุดโทษทางมุมขวาล่างเข้าประตูไป

เจ้าถิ่นมีโอกาสได้ประตูตีเสมอจากคาเซมิโร่และซานโช่ แต่ไม่ผ่านมือรามิโร่ ทำให้ปีศาจแดงแพ้ประเดิมรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

ลิซานโดรทำเสียจุดโทษแต่เล่นดี

ปราการหลังชาวอาร์เจนติน่าได้รับโอกาสลงสนามแทนที่ดิโอโก้ ดาโลต์ในต้นครึ่งหลัง แม้จะพลาดเสียจุดโทษ แต่จังหวะโดยรวมของเกมถือว่าโดดเด่น ทั้งไล่ปะทะแนวรุกโซเซียดัดอย่างดุเดือด แย่งบอลกลับมาครองได้มากสุดถึง 7 ครั้ง, สกัดบอล 3 ครั้ง, แย่งบอลได้ 2 ครั้ง และชนะในการดวลตัวต่อตัว 100% จากทั้งหมด 4 คร้ง 

เทน ฮากต้องจำ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องเก็บแต้มจาก 4 นัดเหย้า-เยือนที่พบกับโอโมเนีย นิโคเซียและเชริฟฟ์ ติราสโปลให้ได้มากที่สุด เพื่อตัดแต้มกับโซเซียดัดอีกครั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน โดยมีแชมป์กลุ่มเป็นเดิมพัน เพื่อการันตีเข้ารอบน็อคเอาท์โดยอัตโนมัติ

ความพ่ายแพ้หลังจากการชนะในลีกมา 4 นัดรวด ทำให้เทน ฮากต้องคิดให้ดีว่า ผู้เล่นสำรองสามารถทัดเทียมกว่าผู้เล่นตัวจริงหรือไม่ แมกไกวร์ในเกมนี้ แต่วารานสามารถรักษามาตรฐานได้ยอดเยี่ยม รวมไปถึงลิซานโดรที่โชว์ฟอร์มได้โดดเล่นแม้จะลงได้ 45 นาทีก็ตาม เฟรดเป็นผู้เล่นเบอร์ 10 ไม่ได้ และคาเซมิโร่ไม่ค่อยวิ่งเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับคู่หูอย่างคริสเตียน อีริคเซ่นและสกอตต์ แมคโทมิเนย์

สำหรับโรนัลโด้ ยังคงวิ่งไล่และดวลกับคู่แข่งได้ดี แต่ยังต้องพยายามในการแย่งชิงตัวจริงต่อไป เพราะในวันที่ CR7 ไม่ได้ลงเป็นตัวจริง แนวรุกดูเข้าขาและไหลลื่นมากกว่ามีเขาอยู่บนสนาม ถึงเวลาที่ต้องรับแล้วว่า เขาไม่สามารถเป็นตัวจริงได้ตลอดอีกแล้ว