ทำไมทีมชาติอังกฤษสร้างโค้ชฟุตบอลระดับโลกไม่ได้?

06-21-2024
2นาทีที่อ่าน
Getty Images

ผลงานที่ไม่น่าประทับใจนักของทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2024 นำมาสู่คำถามที่ถูกยกขึ้นมาอีกครั้งว่า การขาดแคลนผู้จัดการทีมฝีมือดีเป็นปัญหาของแดนผู้ดีหรือไม่ เพราะจะหาคนที่ดีกว่าแกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

มีปัจจัยและเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้การพัฒนาผู้ฝึกสอนฟุตบอลในอังกฤษหยุดชะงัก นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังที่แสดงถึงปัญหาที่ทัพสิงโตคำรามกำลังเผชิญหน้าอยู่

ขาดแรงสนับสนุนในระดับรากหญ้า

เหตุผลแรกที่ทำให้อังกฤษปราศจากผู้จัดการทีมระดับโลกในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน เกิดขึ้นจากการขาดแรงสนับสนุนโดยส่วนกลางที่ทำหน้าที่ดูแลวงการฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ โดยในแต่ละปี งบประมาณที่ถูกทุ่มลงไปเพื่อเป็นแรงผลักดันให้มีการผลิตโค้ชหน้าใหม่ในระดับรากหญ้าเกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งนั่นนำมาสู่ความสนใจในอาชีพโค้ชฟุตบอลน้อยลงอย่างน่าใจหายในอังกฤษ

หากใครสักคนต้องการจะเริ่มต้นสอบเข้าเป็นโค้ชที่ได้รับรองจากยูฟ่าในเลเวล เอ พวกเขาต้องเสียเงินไม่ต่ำกว่า 150 ปอนด์ หรือราวเจ็ดพันบาท และจะเสียเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระดับถัดไป โดยระดับสูงที่พอจะทำให้โค้ชสักคนก้าวเป็นผู้จัดการทีมได้จริง คือระดับยูฟ่า บี ไลเซนส์ โค้ชที่สมัครเข้าเรียนคอร์สนี้จะต้องเสียเงินไม่ต่ำกว่า 720 ปอนด์ หรือมากกว่าสามหมื่นบาท

Getty Images

ราคาการสมัครเรียนในคอร์สเหล่านี้ของอังกฤษยังมีราคาแพงกว่าประเทศอื่นหลายเท่าตัว เพราะหากคุณเป็นโค้ชฟุตบอลชาวเยอรมัน พวกเขาจะจ่ายเงินอยู่ราว 700 ปอนด์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนคอร์สยูฟ่า เอ ไลเซนส์ 

แต่หากคุณเป็นชาวอังกฤษ การเรียนในคอร์สระดับนี้อาจเสียเงินมากถึง 4,000 ปอนด์ หรือเกือบสองแสนบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดตรงนี้ โค้ชฟุตบอลชาวอังกฤษต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะขาดการสนับสนุนจากเอฟเอ

มีการเปิดเผยสถิติเมื่อปี 2017 ออกมาว่า โค้ชในระดับยูฟ่า เอ ไลเซนส์ขึ้นไปของประเทศอังกฤษมีจำนวนเพียง 1,400 คน ซึ่งน้อยกว่าประเทศเยอรมัน และประเทศสเปนแบบเทียบไม่ติด โดยทั้งสองชาติมีโค้ชในดีกรีไม่ต่ำกว่าระดับเอ ไลเซนส์ มากกว่า 7,000 และ 15,000 คนตามลำดับ คิดเป็นมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของโค้ชระดับนี้ทั้งหมดในยุโรป

ไม่มีพื้นที่ฝึกปรือฝีมือ

เมื่อปราศจากการสนับสนุนที่ดีตั้งแต่ต้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณภาพของผู้จัดการทีมชาวอังกฤษขณะนี้กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ไม่มีสโมสรไหนในกลุ่มบิ๊ก 6 ของพรีเมียร์ลีกที่ใช้ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ 

โดยกุนซือที่เชิดหน้าชูตาให้แดนผู้ดีมากที่สุดคือ เอ็ดดี ฮาว ของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่หลังจากผลงานในฤดูกาลล่าสุดของทัพสาลิกาดงไม่เป็นไปตามคาด แม้แต่เฮดโค้ชชาวอังกฤษที่ดีที่สุดก็ถูกตั้งคำถามว่า เขาดีพอหรือไม่ที่จะคุมทีมระดับสูง ?

แต่คำถามหนึ่งที่ถูกตั้งขึ้นมาเช่นกันคือ “กุนซือชาวอังกฤษได้รับโอกาสมากน้อยแค่ไหน ?” เมื่อลีกฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศอย่างพรีเมียร์ลีกในปัจจุบันมีผู้จัดการทีมชาวอังกฤษอยู่เพียงสามราย คือ เอ็ดดี ฮาว, แกรี โอนีล และฌอน ไดซ์ ส่วนสเปนกลายเป็นชาติที่มีผู้จัดการทีมอยู่ในศึกพรีเมียร์ลีกมากที่สุดแทน ตามกระแสนิยมซึ่งให้ความสำคัญกับฟุตบอลเกมรุกที่มีอิสระ และน่าตื่นตาตื่นใจ

หลายสโมสรจึงไม่สนใจกุนซือชาวอังกฤษตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันสโมสรที่ให้โอกาสก็มีระยะเวลาให้พิสูจน์ตัวเองมากที่สุดไม่เกินสองฤดูกาล ก่อนตัดสินใจจะปลดจากตำแหน่ง 

เราได้เห็นผู้จัดการทีมดาวรุ่งชาวอังกฤษ เช่น แฟรงค์ แลมพาร์ด และสตีเวน เจอร์ราร์ด เข้ามารับงานในพรีเมียร์ลีก ก่อนถูกตะเพิดจากเก้าอี้นายใหญ่อย่างรวดเร็ว เพื่อรับผิดชอบต่อผลงานที่ล้มเหลว ซึ่งในแง่หนึ่งคือการปิดโอกาสให้กุนซือดาวรุ่งเหล่านี้พัฒนาฝีมือของตัวเอง

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษวัยเก๋าแบบรอย ฮอดจ์สัน จึงดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าโค้ชรุ่นใหม่ไฟแรง เพราะกุนซือรุ่นเก๋าเหล่านี้ถนัดในแทคติกที่แตกต่างออกไปจากโค้ชชาวสเปน จึงตอบโจทย์สิ่งที่พวกเขาตามหา แถมยังพร้อมกับการถือสัญญาระยะสั้น และเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพราะพวกเขาถือเป็นมือปืนรับจ้างอยู่แล้ว

ยิ่งบวกกับการเล่นข่าวของสื่ออังกฤษที่ชอบโจมตีผู้จัดการทีมหน้าใหม่ที่ล้มเหลวแบบไม่เกรงใจใคร ความกดดันเหล่านี้ไม่ส่งผลดีกับกุนซือคนใดก็ตามที่ต้องการเวลาลองผิดลองถูกเพื่อทดลองแทคติก เพราะนอกจากสโมสรจะไม่ให้เวลา สื่อยังมักตีข่าวเพื่อเรียกเสียงด่าจากแฟนบอล 

Scroll to Continue with Content

แฟนบอลได้เห็นกุนซือชาวอังกฤษออกไปหาประสบการณ์ในลีกรองอย่าง เดอะ แชมเปียนชิพ หรือ สกอตติช พรีเมียร์ลีก ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เป็นเวทีที่มาตรฐานต่ำเกินไปจะพัฒนาฝีมือของพวกเขาให้ทัดเทียมกุนซือชาวเยอรมันหรือสเปนที่มีเวลามากพอในการทดลองแทคติกของตัวเองในลีกคุณภาพอย่างบุนเดสลีกา หรือลา ลีกา

Getty

ขาดหลักปรัชญาที่ชัดเจน

ปัญหาใหญ่สุดท้ายซึ่งอาจเป็นปัญหาสำคัญที่สุด คือปรัชญาฟุตบอลอังกฤษขาดการพัฒนามาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ทัวร์นาเมนต์ยูโร 2024 คือเครื่องยืนยันชัดเจน 

เมื่อทีมชาติสเปนยังคงเล่นในสไตล์ที่มีรากฐานจากแทคติกติกิตากามานานกว่า 10 ปี เช่นเดียวกับทีมชาติเยอรมันที่ยังคงมีระบบการเล่นใกล้เคียงกับบาเยิร์น มิวนิค เสมอมา การรักษามาตรฐานเช่นนี้ได้ เกิดจาการวางรากฐานปรัชญาฟุตบอลลงไปในระบบพัฒนาโค้ชของประเทศ

ทีมชาติอังกฤษวางแผนผิดเพราะพวกเขามองว่าแค่การพัฒนาคุณภาพนักเตะก็เพียงพอ แน่นอนพวกเขาประสบความสำเร็จในแง่มุมนี้ เมื่อมีนักเตะชาวอังกฤษมากมายก้าวสู่ระดับโลกผ่านการร่วมงานกับเป๊บ กวาดิโอลา หรือเยอร์เกน คล็อปป์ 

Getty Images

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จในระดับชาติย่อมมีผู้จัดการทีมเป็นส่วนสำคัญ และตอนนี้อังกฤษไม่มีกุนซือที่เก่งพอจะเอาปรัชญาของยอดกุนซือในพรีเมียร์ลีกมาปรับใช้กับทัพสิงโตคำราม

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะท้ายที่สุดแล้ว คำว่าฟุตบอลอังกฤษเท่ากับฟุตบอลโยนยาวยังไม่เคยหายไป กุนซือชาวอังกฤษที่ไม่เคยหายไปจากพรีเมียร์ลีกก็มีจุดเด่นด้านนี้ และมันยังคงเป็นจุดขายของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน 

นั่นเพราะอังกฤษไม่เคยวางแผนพัฒนาว่าสามารถปรับสไตล์นี้เข้ากับโลกฟุตบอลยุคใหม่ได้มากแค่ไหน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฟุตบอลตั้งแต่ระดับเดอะ แชมเปียนชิพ เป็นต้นไป จึงยังเป็นฟุตบอลโยนยาวโบราณอยู่ นั่นเพราะโค้ชชาวอังกฤษซึ่งคุมทีมลีกล่างเป็นส่วนใหญ่ต่างเล่นบอลแบบนี้ทั้งสิ้น

กุนซือรุ่นใหม่ที่มีความทะเยอทะยานอย่างแลมพาร์ด และเจอร์ราร์ด จึงไปไม่รอดในสังเวียนพรีเมียร์ลีก เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาต้องครูพักลักจำการสร้างแทคติกด้วยตัวเอง เพราะปลูกฝังปรัชญาฟุตบอลที่มีประสิทธิภาพ 

ทางกลับกัน ชาบี อลอนโซ ที่เป็นนักเตะรุ่นเดียวกัน แต่ผ่านประสบการณ์คุมทีมในสเปน และเยอรมัน พิสูจน์ให้เห็นว่าการเติบโตโดยถูกปลูกฝังวิธีคิดด้วยปรัชญาที่ถูกต้องนำมาสู่ความสำเร็จได้ง่ายแค่ไหน

ระบบการพัฒนาผู้จัดการทีมฟุตบอลของประเทศอังกฤษตอนนี้จึงเหมือนติดกระดุมผิดทุกจุด หากความล้มเหลวเกิดขึ้นอีกในศึกยูโร 2024 คงชัดเจนแล้วว่าทัพสิงโตคำรามอาจต้องใช้บริการโค้ชชาวต่างชาติมากุมบังเหียนอีกครั้ง เพราะขณะนี้คุณภาพของกุนซือชาวอังกฤษกำลังมีปัญหาอย่างแท้จริง

รับเครดิตฟรี ยูโร ที่ M88 คลิก!

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand