การทำ 5 ประตูในเกมเดียวไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายในโลกฟุตบอล และถ้ามันจะเกิดขึ้น ดูเหมือนว่ามีเพียงนักเตะชื่อดังก้องโลกอย่างลิโอเนล เมสซี่ หรือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เท่านั้นที่ทำได้
แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่า ? ครั้งหนึ่งเคยมีเหตุการณ์ที่นักเตะยิงประตูได้ 5 ลูกภายในเกมเดียวบนเวทีฟุตบอลโลก แต่ผลงานนี้ไม่ได้มาจากฝีเท้าของนักเตะระดับตำนานแบบเปเล่ หรือ ดิเอโก้ มาราโดน่า
แต่เป็นนักเตะโนเนมอย่าง โอเล็ก ซาเลนโก้ กองหน้าทีมชาติรัสเซียที่เขียนประวัติศาสตร์ในเกมไร้ความหมาย จนเขากลายเป็นดาวซัลโวคนเดียวที่ตกรอบแรก และยังเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ยิง 5 ประตูในเกมเดียว บนเวทีฟุตบอลโลกจนถึงทุกวันนี้
นักเตะที่ไม่น่าจดจำในระดับสโมสร
หาจะสรุปเส้นทางการค้าแข้งของโอเล็ก ซาเลนโก้ แบบสั้น ๆ เราคงบอกได้เพียงว่า เขาไม่มีช่วงเวลาที่โดดเด่นกับสโมสรไหนเลย เพราะเส้นทางการค้าแข้งของกองหน้าชาวรัสเซีย เป็นไปในแนวทางนักเตะพเนจรเสียมากกว่า
โดยตลอดช่วงอาชีพนักฟุตบอลของเขาในช่วงปี 1986 ถึง 2001 ซาเลนโก้ตระเวนเล่นให้กับหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ฝั่งยุโรปตะวันออก หรือฝั่งยุโรปจะวันตก
ไล่ตั้งแต่ เซนิต เลนินการ์ด (เซนิต เซนต์ปีเตอส์ เบิร์ก ในปัจจุบัน), ดินาโม เคียฟ, โลโกรนเยส, คอร์โดบ้า, บาเลนเซีย, กลาสโกว์ เรนเจอร์ส หรืออิสตันบูลสปอร์ ทั้งหมดต่างเคยเป็นต้นสังกัดของซาเลนโก้ ทั้งสิ้น
และเมื่อมองไปยังผลงานโดยละเอียดของเขา เราจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซาเลนโก้ถึงย้ายทีมไปเรื่อยเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด … นั่นเป็นเพราะ ไม่ว่าเขาจะค้าแข้งกับสโมสรใด ซาเลนโก้ไม่เคยยิงให้กับทีมนั้นเกิน 30 ประตู ซึ่งสโมสรที่เขาค้าแข้งนานที่สุดอย่าง ดินาโม เคียฟ ซาเลนโก้ยิงไปเพียง 28 ประตู ตลอดสามปีกับทีมดังแห่งยูเครน
แต่ไม่ว่าผลงานในระดับสโมสรของเขาจะเรียบเฉยขนาดไหน เรื่องนั้นไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ทีมชาติยูเครนกับรัสเซีย ต่างพากันแย่งตัวกองหน้ารายนี้เป็นส่วนหนึ่งของทีมให้ได้ เนื่องจากซาเลนโก้เป็นลูกครึ่งยูเครน-รัสเซีย จึงส่งผลให้เขามีโอกาสเลือกเล่นให้กับทั้งสองชาติตามความสมัครใจของตัวเอง ก่อนศึกฟุตบอลโลก 1994 จะมาถึง
สู่รั้วทีมชาติรัสเซีย
ทั้งนี้ ปัญหาอันน่าปวดหัวของซาเลนโก้ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงยังเป็นนักเตะเยาวชน เพราะในเวลานั้น สหภาพโซเวียตยังคงไม่ล่มสลายเหมือนในปัจจุบัน และประเทศยูเครนก็ยังไม่ได้ถูกก่อตั้งขึ้น
นั่นจึงทำให้ ซาเลนโก้ โชว์ฟอร์มเทพกับสหภาพโซเวียตในศึกฟุตบอลโลกรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อปี 1989 หลังเจ้าตัวซัดไปถึง 5 ประตูในรายการนี้ ถือเป็นผลงานน่าประทับใจที่ทำให้ชื่อของเขาไปเข้าตาใครหลายคน
จนเป็นเหตุผลให้ศึกแย่งชิงตัวกองหน้ารายนี้เกิดขึ้นระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งเมื่ออายุและคุณภาพของเขาเพียงพอกับทีมชาติชุดใหญ่ ซาเลนโก้ตัดสินใจลงเล่นให้กับทีมชาติยูเครน อันเป็นเชื้อสายจากฝั่งคุณพ่อของเขา
โดยเกมดังกล่าว คือเกมนัดกระชับมิตรที่ทีมชาติยูเครนแพ้ให้กับฮังการีไปด้วยสกอร์ 1-3 ซึ่งแมตช์ดังกล่าว ถือเป็นเกมที่ฟีฟ่ารับรองว่าเป็นแมตช์แรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติยูเครน
มองจากมุมนี้จึงดูเหมือนว่าอย่างไร ซาเลนโก้ คงจะเป็นตัวหลักของทีมชาติยูเครนแน่ … แต่เรื่องราวกลับเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว
เมื่อซาเลนโก้เปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมชาติรัสเซียในปี 1993 ถือเป็นการยุติเส้นทางของเขากับทีมชาติยูเครนหยุดลงแค่เพียงเกมเดียว ก่อนซาเลนโก้ถูกหนีบติดทีมไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1994 ทั้งที่ยังยิงประตูในเกมการแข่งขันระดับนานาชาติไม่ได้เลยสักครั้งเดียว
สร้างประวัติศาสตร์ในฟุตบอลโลก
ทีมชาติรัสเซียเดินทางมาสู่ฟุตบอลโลก 1994 เพื่อมาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับตัวเต็งแชมป์อย่าง บราซิล, สวีเดน และแคเมอรูน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ทัพหมีขาวทำผลงานได้ไม่พลิกโผ ตกรอบแรกด้วยผลงานชนะ 1 แพ้ 2 เก็บ 3 คะแนนกลับบ้านเป็นรางวัลปลอบใจ
แต่ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก กลับถูกจารึกในเกมการแข่งขันที่ไร้ความหมาย เมื่อแมตช์นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลายเป็นการพบกันของสองทีมที่ตกรอบไปแล้ว ระหว่าง รัสเซีย กับ แคเมอรูน
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองทีมจึงต่างส่งผู้เล่นชุดผสมตัวจริง-สำรอง ลงสนามแบบไม่สนใจอะไรนัก ซึ่งผลลัพธ์กลายเป็นว่า ฝีเท้าของแข้งแคเมอรูนชุดสำรองนั้นห่างชั้นกับทัพหมีขาวมากเกินไป
ทีมชาติรัสเซียจึงไล่ถล่มทีมชาติแคเมอรูนด้วยสกอร์ขาดลอย 6-1 ซึ่ง 5 ประตูจากเกมนั้น มาจากฝีเท้าของซาเลนโก้ ที่จู่ ๆ ก็ท็อปฟอร์มขึ้นมาในฟุตบอลโลก 1994 แบบไม่มีเหตุผล
เริ่มต้นด้วยการลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมแรกที่พวกเขาแพ้บราซิล 0-2 ก่อนยึดตำแหน่งตัวจริงในเกมถัดมา แถมยังยิงประตูได้อีกหนึ่งลูก ในเกมที่พวกเขาแพ้สวีเดน 1-3 ก่อนจะมาระเบิดห้าประตูรวดในเกมกับแคเมอรูน
ส่งผลให้ ซาเลนโก้ กลายเป็นนักเตะเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่ยิงได้ในเกมเดียวถึง 5 ประตูด้วยกัน นอกจากนี้เขายังเหมารวม 6 ประตู จาก 7 ประตูที่รัสเซียทำได้ทั้งหมดในทัวร์นาเมนต์ ส่งผลให้เขากลายเป็นดาวซัลโวของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ร่วมกับฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ดาวยิงทีมชาติบัลแกเรีย แบบไม่ต้องสงสัย
แม้ชีวิตการค้าแข้งของซาเลนโก้หลังจากนั้น จะไม่มีอะไรน่าจดจำสักเท่าไร แถมเขายังเขาถอยห่างจากฟุตบอลระดับสูงไปเรื่อย ๆ เพราะหลังจากวันนั้น ซาเลนโก้ กลับไม่เคยยิงประตูให้ทีมชาติรัสเซียได้อีกเลย สรุปแล้ว เขาจึงรับใช้ทัพหมีขาวไปเพียง 8 นัด และยิงไป 6 ประตู ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 1994 ทั้งหมด
ท้ายที่สุด ซาลันโก้เลิกเล่นฟุตบอลในวัย 31 ปี เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพที่ต่อเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บของเขา อย่างไรก็ตาม ผลงานที่เขาสร้างเอาไว้ในฟุตบอลโลก 1994 ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะลืมลงได้ง่าย ๆ
เพราะการยิงได้ 5 ประตูในเกมเดียวถือว่าเป็นเรื่องยากมากแล้ว แต่การยิงประตูในฐานะนักเตะทีมชาติทุกลูกในศึกฟุตบอลโลก 1994 เพียงครั้งเดียว ถือเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำยิ่งกว่า แถมจนถึงทุกวันนี้ เขายังเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลกเพียงคนเดียว ที่ยุติเส้นทางของตนเอาไว้เพราะการตกรอบแรก
โอเล็ก ซาเลนโก้ จึงกลายเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลกที่ไม่มีใครลืมได้ลง แม้เส้นทางอาชีพในฐานะนักฟุตบอลของเขาจะไม่มีอะไรโดดเด่นเลยก็ตาม แต่เพราะประวัติศาสตร์สุดแปลกที่เขาสร้างไว้ในฟุตบอลโลก 1994 เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของกองหน้าชาวรัสเซียรายนี้ ถูกเรียกขานในโลกฟุตบอลตลอดกาล