แมนซิตี้แพ้อาร์เซนอล : เราเห็นอะไรหลังความพ่ายแพ้ของเรือใบสีฟ้า

08-07-2023
2นาทีที่อ่าน
Getty Images

หลังการคว้า 3 แชมป์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้พวกเขาคือทีมที่ดีที่สุดในโลกแบบไม่ต้องสงสัย แต่บททดสอบก็มาต่อแถวอย่างรวดเร็ว เวลาพักของพวกเขาน้อยกว่าทีมอื่นๆในยุโรป และจำเป็นจะต้องเรียกความฟิตให้ทันเวลาสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลใหม่ 

โดยจะเริ่มจากการแข่งรายการคอมมูนิตี้ ชิลด์ ซึ่งกลายเป็นเกมสำคัญที่พวกเขาจะต้องผ่านอาร์เซนอลให้ได้ และสร้างปีที่ยอดเยี่ยมให้กับพวกเขาในการกวาดแชมป์ในทุกๆการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม มันไม่เกิดขึ้นจริง แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสามารถเล่นได้ดีกว่าที่หลายคนคาดเอาไว้ แต่สุดท้ายพวกเขาพ่ายแพ้ต่ออาร์เซนอลจากการดวลจุดโทษ ส่งผลให้พวกเขาไม่ได้แชมป์รายการนี้ 

แน่นอนว่าเมื่อพ่ายแพ้แบบนี้ ก็มีหลากหลายประเด็นให้ต้องหยิบมาพูดถึงกัน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถ  ร่วมสมัครเล่นสนุก ชิงรางวัลกับการแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้ที่นี่

แมนซิตี้แพ้อาร์เซนอล : เราเห็นอะไรหลังความพ่ายแพ้ของเรือใบสีฟ้า

โควาซิชเล่นได้ ไม่ต้องปรับตัว

Getty Images

การย้ายตัวของอิลคาย กุนโดกัน ไปอยู่กับบาร์เซโลน่า ทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะเขาถือเป็นคนสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลให้แดนกลาง รวมถึงเป็นผู้เล่นที่ขึ้นมาช่วยทำประตูได้ด้วยเมื่อยามจำเป็น 

แต่แล้วการมาของ มาเตโอ โควาซิช กองกลางจากเชลซี มันทำให้ปัญหาที่ดูเหมือนว่าเป็นปัญหาใหญ่ของทีม หายไปในทันที

อย่างแรกที่ต้องเข้าใจก่อนก็คือ กุนโดกัน และ โควาซิช คือผู้เล่นคนละสไตล์ แม้ว่าจะเล่นในตำแหน่งเดียวกัน การมีโควาซิชข้อดีหลักๆ คือการเชื่อมเกมระหว่างกลางไปสู่เกมรุก ซึ่งถือเป็นส่วนที่กุนโดกันเคยทำ 

เพียงแต่ว่าจะต่างกันที่กุนโดกันจะค่อยๆจ่ายบอลลำเลียงไปข้างหน้า ขณะที่โควาซิชจะเลี้ยงบอลขึ้นไปด้วยตัวเอง แน่นอนว่าในตอนนี้งานของเขาง่าย เพราะคนที่คอยอยู่ข้างหลังเขาคือโรดรี้ ทุกอย่างมันสามารถเดินหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม จนรู้สึกเลยว่า โควาซิช แทบจะไม่ต้องปรับตัว เขาก็สามารถที่จะเล่นเข้ากับระบบของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ในทันที

เกมรุกไม่ลงตัว เมื่อขาด เดอ บรอยน์ 

Getty Images

กลายเป็นปัญหาในเกมนี้สำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกี่ยวกับเกมรุก ที่โดยปกติแล้วนี่คือจุดเด่นของพวกเขา 

Scroll to Continue with Content

การเล่นร่วมกันของแนวรุกที่มี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ เล่นร่วมกันในแดนหน้า รวมถึง แบร์นาโด้ ซิลวา และ แจ็ค กรีลิชเล่นเกมริมเส้น ทุกอย่างดูห่างเหินกันไปหมด 

พวกเขาไม่ค่อยได้เล่นร่วมกันเท่าไรในการพยายามสร้างจังหวะเกมรุก จะเล่นร่วมกันก็ต้องขยับสร้างพื้นที่จากริมเส้นมากกว่า จนไม่มีโอกาสสวยๆเลยในช่วงครึ่งแรก แม้จะครองบอลได้ยอดเยี่ยมก็ตาม 

สำคัญที่สุดที่คนนึกถึงแน่นอนคือการขาดหายไปของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่คอยจ่ายบอลสร้างสรรค์เกมสวยๆจากแดนกลาง นี่คือมิติเกมที่หายไป เรือใบสีฟ้าโจมตีแต่เกมริมเส้นซึ่งนั่นอาจน้อยไปที่จะล้มอาร์เซนอลในชั่วโมงนี้ที่มีความเหนียวแน่นในแดนกลาง 

แต่เมื่อเดอ บรอยน์ลงสนาม ปัญหานี้นั้นลดลงไป แต่สุดท้ายแล้วทีมจะรอแต่เดอ บรอยน์คนเดียวไม่ได้ พวกเขาจำเป็นต้องหาวิธีเชื่อมเกมในวันที่ไม่มีเดอ บรอยน์อยู่ในทีมด้วยเช่นเดียวกัน

จุดโทษของแสลง

เมื่อพูดถึงการยิงจุดโทษแล้วดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่งานถนัดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะด้วยความยอดเยี่ยมของพวกเขาแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องมาตัดสินกันไกลจนถึงช่วงยิงจุดโทษ มันมักจบในเกม 90 นาทีตลอด 

แน่นอนว่าหลังความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซนอลประเด็นนี้ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง หลังจากราว 2 ปีก่อน พวกเขามีปัญหาในการเลือกว่าใครควรจะเป็นหมายเลขหนึ่ง จนกระทั่งมีเออร์ลิ่ง ฮาลันด์มาเป็นมือสังหารจุดโทษหมายเลข 1 ของทีม แต่แล้วเมื่อไม่มีฮาลันด์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อมือได้เลยในเรื่องนี้ ทุกคนมีโอกาสที่จะยิงพลาดทั้งนั้น 

ความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซนอลในการดวลจุดโทษนั้นถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้แพ้คู่แข่งในการตัดสินที่จุดโทษ หลังเคยแพ้เวสต์แฮม ยูไนเต็ดในการแข่งขัน คาราบาวคัพ รอบ 4 เมื่อฤดูกาล 2021/22 ที่ส่งผลให้พวกเขาตกรอบเช่นเดียวกัน นี่อาจเป็นรายละเอียดให้ต้องพัฒนาสำหรับทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้อาจไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายต่อสภาพจิตใจของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชุดนี้สักเท่าไร พวกเขายังเหลือแชมป์ให้ไล่ล่าอีกในสัปดาห์หน้า ก็คือ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ กับเซบีย่า 

มีเพียงเรื่องของรายละเอียดที่พวกเขาจำเป็นต้องแก้เล็กๆน้อยๆ เพื่อให้กลับไปสู่การเป็นยอดทีมอย่างที่เคยเป็นมาในฤดูกาลก่อนอีกครั้ง

บทความโดย : ณพันธ์ สุขนพกิจ (กรอบเขตโทษ/Domo97)

บทความที่เกี่ยวข้อง : อาร์เซนอลชนะแมนซิตี้ : ทัพปืนใหญ่พร้อมแค่ไหนก่อนพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่