เปิดที่มาความแค้น นิวคาสเซิล-ซันเดอร์แลนด์ ที่กินเวลานานร่วม 800 ปี

01-05-2024
2นาทีที่อ่าน
Getty Images

ศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบ 3 ประจำฤดูกาล 2023-24 มีเกมใหญ่ที่ได้รับการจับตาอย่างมาก คือการกลับมาเจอกันของ นิวคาสเซิล และ ซันเดอร์แลนด์ กับดาร์บี้แมทช์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ

หลังจากไม่ได้พบกันนาน 8 ปี … ดาร์บี้แมทช์ที่ยิ่งใหญ่ในภาคอีสานของอังกฤษจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

แม้ทุกวันนี้ ทั้ง 2 ทีมจะอยู่คนละดิวิชั่น และเป็นทีมคนละระดับอย่างชัดเจน แต่การพบกันระหว่างนิวคาสเซิล กับ ซันเดอร์แลนด์ ยังคงเป็นดาร์บี้แมทช์ที่ใหญ่ที่สุดของชาวอีสานในประเทศอังกฤษ  

เนื่องจากความแค้นของนิวคาสเซิล และซันเดอร์แลนด์ ไม่ได้เริ่มต้นในสนามฟุตบอล แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เกือบ 800 ปีก่อน

ร่วมย้อนดูความแค้นยาวนานเกือบ 800 ปี จนทำให้ดาร์บี้แมทช์ระหว่าง นิวคาสเซิล กับ ซันเดอร์แลนด์ ไม่เคยเสื่อมมนต์ขลัง และเต็มไปด้วยความดุเดือดจนถึงทุกวันนี้

ติดตามเรื่องราวนี้ไปกับ The Sporting News

เปิดที่มาความแค้น นิวคาสเซิล-ซันเดอร์แลนด์ ที่กินเวลานานร่วม 800 ปี

ความบาดหมางระหว่าง นิวคาสเซิล กับ ซันเดอร์แลนด์ ไม่ได้เริ่มต้นในสนามฟุตบอล แต่ต้องย้อนไปช่วงปีค.ศ. 1250 เลยทีเดียว

ย้อนไปในช่วงเวลานั้น นิวคาสเซิลคือเมืองอุตสาหกรรมถ่านหินที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ และผลที่ตามมาคือการยกระดับความร่ำรวยของคนในเมืองอย่างมาก

Getty Images

ข้ามมาในปี 1350 นิวคาสเซิลกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ประชาชนร่ำรวยมากที่สุดในอังกฤษ แถมยังได้อำนาจจากกษัตริย์อังกฤษให้เป็นเมืองเดียวที่สามารถขายสินค้าจำพวกเหมืองแร่จากแม่น้ำ “ทายน์ แอนด์ เวียร์” แม่น้ำหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออังกฤษ

แน่นอนว่า นี่คือการผูกขาดทางการค้าอย่างชัดเจนโดยนิวคาสเซิล … ซึ่งหนึ่งในเมืองที่ไม่ยอมกับเรื่องนี้คือซันเดอร์แลนด์ เมืองที่ห่างจากนิวคาสเซิลออกไปแค่ 19 กิโลเมตรเท่านั้น

ชาวซันเดอร์แลนด์ตัดสินใจลอบขายถ่านหิน เนื่องจากแม่น้ำทายน์ แอนด์ เวียร์ ก็ผ่านเมืองซันเดอร์แลนด์ เช่นเดียวกับนิวคาสเซิล พวกเขาจึงไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจเมืองบ้านใกล้เรือนเคียงแต่เพียงเดียว

ทั้งสองเมืองแข่งกันขายถ่านหินอยู่นาน จนกระทั้งในปี 1642 ทั้งสองเมืองก็ได้เปิดฉากสู้กันจริง ๆ ผ่านสงครามกลางเมืองอังกฤษ

Scroll to Continue with Content

เนื่องจาก ณ เวลานั้น ประเทศอังกฤษเกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างราชวงศ์ และรัฐสภา ทำให้เกิดการแบ่งฝ่ายในแต่ละเมืองของประเทศอังกฤษ

นิวคาสเซิลที่ได้รับผลประโยชน์ทางการค้าจากกษัตริย์ร่วม 300 ปี ย่อมเข้าข้างฝั่งราชวงศ์

ส่วน ซันเดอร์แลนด์ และเมืองอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่พอใจอำนาจของนิวคาสเซิล ก็หันไปเข้าร่วมกับฝั่งรัฐสภา 

ในช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ คือครั้งแรกที่ทั้งสองเมืองต่อสู้กันแบบเป็นจริงเป็นจังครั้งแรก และเนื่องจากในภาคอีสานมีเมืองสนับสนุนฝั่งรัฐสภามากกว่าฝั่งราชวงศ์ ทำให้ท้ายที่สุดฝั่งรัฐสภาก็ยึดพื้นที่ภาคอีสานเอาไว้ได้

นั่นทำให้อำนาจทั้งหมดที่นิวคาสเซิลเคยมี ถูกยกเป็นของซันเดอร์แลนด์ในทันที กลายเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างพลิกผัน ซันเดอร์แลนด์ร่ำรวยขึ้นมาทันทีในฐานะเมืองศูนย์กลางของการค้าขายถ่านหิน และนิวคาสเซิลก็ยากจนลงอย่างมาก 

อย่างไรก็ดี เมื่อสงครากลางเมืองจบลงทั้ง 2 เมืองสามารถแข่งขันในการค้าขายถ่านหินได้อย่างเสรี นั่นจึงยิ่งทำให้ทั้งสองเมืองยิ่งแข่งขันกันมากกว่าเดิม เพื่อที่จะเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในการค้าขายถ่านหินให้ได้

การแข่งขันกันอย่างยาวนาน กลายเป็นความเกลียดชังที่ฝังรากลึก มีการเขียนบันทึกในช่วงศตวรรษที่ 19 ว่า แม้แต่สีประจำเมืองทั้งสองเมือง นั่นคือ ขาว-ดำ ของนิวคาสเซิล และ ขาว-แดง ของซันเดอร์แลนด์ ต่างเป็นคู่สีที่ต้องห้ามในเมืองคู่แข่ง และแค่เห็นสีของเมืองฝั่งตรงข้าม คนจากทั้งสองเมืองก็แทบจะทนไม่ไหว 

Getty Images

สุดท้ายความแก่งแย่งชิงดีระหว่างทั้งสองเมืองที่ยาวนานหลายร้อยปีจึงถูกฝังลึกเป็นความเกลียดชังไปตลอดกาล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เกมระหว่าง นิวคาสเซิล กับ ซันเดอร์แลนด์ คือดาร์บี้แมทช์ที่ใหญ่ที่สุดของชาวอีสานในประเทศอังกฤษ

เพราะทุกครั้งที่ทั้งสองทีมเจอกัน มันไม่เกี่ยวกับชื่อชั้นนักเตะ และความสำเร็จของสโมสร

มันเป็นแค่เรื่องความแค้นระหว่าง นิวคาสเซิล กับ ซันเดอร์แลนด์ และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป 

ลุ้นรางวัลใหญ่ เชียร์ทีมชาติไทยถึงเกาหลีใต้

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ร่วมทายผลกีฬาลุ้นโชคพร้อมโบนัสสูงสุด 100 เปอร์เซนต์