ย้อนรอย "แมนยู 2011-12" พลาดแชมป์เพราะตัวเอง ไม่ใช่เพราะแมนซิตี้

05-19-2024
3นาทีที่อ่าน
Getty Images

เมื่อพูดถึงการแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011-12 ประตูชัยของเซร์คิโอ อเกวโร ที่ส่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก ย่อมเป็นที่จดจำมากที่สุด หลายคนจึงมักพูดถึงซีซั่นดังกล่าวแค่ทัพเรือใบสีฟ้า

จนอาจลืมไปแล้วว่า เรื่องราวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนี่คือไม่กี่ครั้งที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และลูกทีมเป็นฝ่ายเสียท่า ทำแชมป์หลุดมือด้วยความผิดพลาดของพวกเขาเอง 

เรื่องราวเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกับ The Sporting News 

ความได้เปรียบของยูไนเต็ด

ย้อนกลับไปหกเกมก่อนปิดฤดูกาล 2011-12 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก โดยพวกเขามีแต้มห่างอันดับสองของตารางคะแนนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากถึง 8 แต้ม เนื่องจากทัพเรือใบสีฟ้าช่วงเวลานั้นกำลังฟอร์มแกว่ง 

พวกเขาพลาดชัยชนะในสามนัดสำคัญ ด้วยการเสมอสโต๊ค และซันเดอร์แลนด์ ก่อนบุกไปแพ้อาร์เซนอลที่เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม แฟนบอลส่วนมากเชื่อว่าตำแหน่งแชมป์ไม่มีทางหลุดมือทัพปีศาจแดง สถานการณ์ทุกอย่างเป็นใจให้กับทีมดังแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด 

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเกมนัดที่ 33 ของฤดูกาล เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โคจรไปพบกับวีแกน แอธเลติก ที่กำลังจมอยู่ในโซนตกชั้น ณ เวลานั้น รวมถึงมีสถิติย่ำแย่เมื่อเจอยูไนเต็ด โดยวีแกนแพ้รวด 14 นัด และยิงได้เพียง 4 ประตู

ไม่มีใครคิดว่าสามแต้มจะหลุดมือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากเกมนี้ แต่หลังเสียงนกหวีดสิ้นสุดลงเมื่อจบ 90 นาที วีแกนกลับเป็นฝ่ายคว้าชัย 1-0 จากประตูโทนของฌอน มาโลนีย์ และควรจะคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ขาดกว่านี้ หากลูกยิงของวิคเตอร์ โมเสส ช่วงต้นเกมไม่ถูกเป่าเป็นลูกฟาวล์เสียก่อน

นี่คือเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นได้แย่ที่สุดเกมหนึ่งของฤดูกาล ศูนย์หน้าตัวหลักอย่าง เวย์น รูนีย์ และฮาเวียร์ เออร์นานเดซ ถูกกับดักล้ำหน้าเล่นงานจนอยู่หมัด แม้แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังยอมรับหลังจบเกมว่าวีแกนคือทีมที่ดีกว่า และสมควรได้รับชัยชนะ

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณร้ายแรกที่กำลังแสดงว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะหลุดมือแมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด และกลายเป็นแรงฮึดให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงเล่นนัด 33 หลังเกมนี้ กลับมาลุกขึ้นสู้จนคว้าชัยชนะหกนัดรวด คว้า 18 เต็มการแข่งขันที่เหลืออยู่ได้สำเร็จ

บทความที่เกี่ยวข้อง : โปรแกรมแมนยูทุกรายการ - ตารางแข่งแมนฯ ยูฯ จนจบฤดูกาล

เมื่อสถานการณ์พลิกผัน

เหตุผลหนึ่งที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถพลิกแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011-12 ได้สำเร็จ คือพวกเขาไม่เคยประมาทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โรแบร์โต มันชินี่ กุนซือของทัพเรือใบสีฟ้าในเวลานั้น เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะแซงทัพปีศาจแดงไปคว้าแชมป์ 

เนื่องจากพวกเขาไม่มี “จิตวิญญาณ” ในแบบเดียวกับที่ยูไนเต็ดมี และการตามหลัง 5 แต้ม จากโปรแกรม 5 นัด แทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ เมื่อทีมที่นำหน้าคือทัพปีศาจแดง มันคือการโยนความกดดันให้กับคู่ปรับรวมเมืองอย่างชัดเจน 

เพราะขณะเดียวกันที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องตามหาจิตวิญญาณผู้ชนะแบบเดียวกันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้เจอ (ซึ่งพวกเขาเจอในท้ายที่สุด) ทีมดังแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงเหลือสปิริตของผู้ชนะมากเพียงใด ซึ่งตรงนี้คือปัญหาของยูไนเต็ดในปีนั้น

Scroll to Continue with Content

หลังพวกเขาเรียกฟอร์มกลับมาเอาชนะแอสตัน วิลล่า 4-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับทำได้เพียงเสมอเอฟเวอร์ตัน 4-4 ทั้งที่ขึ้นนำก่อน 4-2 นั่นจึงทำให้ทัพปีศาจแดงต้องไปตัดสินแชมป์โดยตรงกับซิตี้ ในเกมที่ทั้งสองทีมต้องพบกันที่เอติฮัด สเตเดี้ยม โดยเฟอร์กูสันรับรู้ดีถึงความสำคัญของเกมนี้ ถึงกับยกให้เป็นแมตช์แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่เดิมพันสูงสุดตลอดกาล

“เกมนี้มีความหมายทุกอย่างสำหรับแฟนบอล เช้าวันอังคารหน้าจะเป็นวันที่สำคัญที่สุดหากชีวิตของพวกเขา ซึ่งผมหมายถึงแฟนทั้งสองทีม” นี่คือคำพูดของเฟอร์กูสันก่อนเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งท้ายที่สุด เป็นทัพปีศาจแดงเองที่ไม่สามารถรักษาสถานการณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ 

พวกเขาแพ้คู่ปรับร่วมเมือง 1-0 และตกเป็นฝ่ายตามหลังทัพเรือใบสีฟ้า นับแต่วันนั้นจนจบฤดูกาล

บทเรียนสำคัญจากคู่ปรับร่วมเมือง 

ปาฏิหารย์ในนาที 93:20 คือเรื่องราวที่พูดกันไม่รู้จบในวงการฟุตบอลอังกฤษ จนหลายคนอาจเข้าใจผิดไปว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลิกแซงคว้าแชมป์ในวินาทีสุดท้าย แต่หากติดตามเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา ค่อนข้างชัดเจนว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายทำแชมป์หลุดมือเองด้วยความผิดพลาดต่อเนื่องช่วงท้าย และพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งการแข่งขันในเกมสุดท้ายสิ้นสุดลง

เอริค สตีล อดีตโค้ชผู้รักษาประตูของทัพปีศาจแดงเปิดเผยบรรยากาศในวันดังกล่าวว่า นักเตะของยูไนเต็ดคิดว่าพวกเขาจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกจริง ๆ หลังรูนีย์ยิงประตูชัยให้กับทีม จนกระทั่งโพเดี้ยมที่กำลังเตรียมจะนำมาจัดวางฉลองแชมป์ในสนาม ถูกเก็บกลับเข้าห้องเก็บของแบบกระทันหัน และได้ยินเสียงเชียร์ของแฟนบอลซันเดอร์แลนด์ 

เมื่อนั้น พวกเขาถึงรู้ว่าแชมป์หลุดมือไปอยู่ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม แล้ว

“ถ้าคุณดูแมตช์นั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกครั้งที่คิวพีอาร์ครองบอล คุณรู้ไหมล่ะว่าพวกเขาทำอะไร ? พวกเขาเอาแต่เตะทิ้ง” นี่คือคำพูดของสตีลที่แสดงความหงุดหงิดจากผลลัพธ์เกมของซิตี้ได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกัน มันสะท้อนให้เห็นว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความหวังเต็มเปี่ยม และไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก

สตีลเปิดเผยให้ฟังเพิ่มเติมว่าทีมงานบางคนรับไม่ได้กับผลการแข่งขัน มีหัวหน้าคนงานรายหนึ่งเดินออกจากห้องแต่งตัวกระทันหัน เนื่องจากต้องการเวลาทำใจกับตัวเอง ส่วนห้องแต่งตัวของทัพปีศาจแดงก็เงียบสงัดเป็นเวลาหลายนาที ไม่มีใครพูดคุยอะไรกันทั้งนั้น สตีลเล่าว่านั่นคือความเงียบที่ยาวนานที่สุดที่เขาเคยได้ยินในห้องแต่งตัว

นี่คือบทเรียนสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาแข็งแกร่งในฤดูกาลถัดมา โดยคว้าแชมป์เหนือทัพเรือใยสีฟ้า ด้วยระยะห่างถึง 11 แต้ม ทั้งที่มีนักเตะสูงอายุอยู่ล้นทีม นั่นเพราะทุกคนในห้องแต่งตัวเห็นตรงกันว่า “เรื่องราวแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก” 

เพราะการคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2011-12 จะไม่เกิดขึ้น หากทัพปีศาจแดงไม่หลงลืมจิตวิญญาณแห่งผู้ชนะ และเป็นฝ่ายผิดพลาดเสียเอง

ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand