ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว และถึงเวลาที่เราจะไปรู้จักกับทุกทีมในฟุตบอลโลก รอบนี้ถึงทีของกลุ่มเอฟ ที่มีทั้งเบลเยี่ยม ทีมอันดับ 3 จากฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว และรองแชมป์ อย่าง โครเอเชีย
ร่วมกลุ่มกับ โมร็อกโก ทีมอันตราย จากแอฟริกา และการกลับมาสู่ฟุตบอลโลกอีกครั้งของแคนาดา
เบลเยี่ยม : ยุคทองยังไหวไหม ?
ปูมหลังด้านฟุตบอล
เบลเยี่ยมถือเป็นชาติที่ได้เข้าร่วมกับฟุตบอลโลกมาเสมอ โดยพวกเขาผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930 แต่ก็ยังไม่เคยเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคืออันดับ 3 ในฟุตบอลโลกปี 2018 และอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลกปี 1986 ซึ่งถือว่าอีกไม่กี่ก้าวมันก็จะถึงแชมป์แล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงทำไม่ได้สักที
แม้ว่าในตอนนี้พวกเขาจะเรียกได้ว่าอยู่ในยุคทองก็ตาม ในตอนนี้ทีมชาติเบลเยี่ยมเต็มไปด้วยนักเตะชื่อดังมากมายภายในทีม เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมนักเตะดาวดังเลยในช่วงเวลาหนึ่งจนหลายครั้งถูกมองว่าอาจเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามาถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้สักครั้ง กับทีมชุดปัจจุบัน แต่เวลาผ่านไปนักเตะเหล่านี้ก็เริ่มที่จะร่วงโรยไปตามกาลเวลา
การที่มีทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ , เอเดน อาซาร์ และ โรเมลู ลูกากู อยู่ในทีมเดียวกันนั้นทำให้พวกเขาเคยเป็นหนึ่งในทีมที่น่าตื่นเต้นที่สุด กับตอนนี้ในฐานะอันดับที่ 2 ของโลกตามการจัดอันดับฟีฟ่าแรงกิ้ง ปีศาจแดงแห่งยุโรปก็หวังว่าพวกเขาจะสามารถคว้าแชมป์ติดมือได้สักครั้ง ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ผลงานโดดเด่นในอดีต
พวกเขายังไม่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เลย โดยในยุคทองที่เต็มไปด้วยยอดนักเตะภายในทีมในช่วงหลายปีหลัง ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาก็คือการคว้าอันดับที่ 3 ในฟุตบอลโลกเมื่อปี 2018
นักเตะเด่น : เควิน เดอ บรอยน์
เรียกได้ว่ามาอยู่ในฟอร์มที่ดีแบบถูกที่ถูกเวลา เราเห็นมาแล้วว่า เควิน เดอ บรอยน์เป็นคนตัดสินเกมได้เสมอให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งในพรีเมียร์ลีก และการแข่งขันในฟุตบอลยุโรป คราวนี้เขาได้มาแข่งขันในฟุตบอลโลกในแบบที่เขาพร้อมจริงๆ ต่างกับในยูโร 2020 ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน
ในวัย 31 ปีมันอาจเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว แน่นอนว่าเขาคงอยากจะพาให้เบลเยี่ยมไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
----------
แคนาดา : เมเปิลแดง แรงทะลุขีดจำกัด
ปูมหลังด้านฟุตบอล
เมื่อเข้าสู่ปี 2020 เป็นต้นมาฟุตบอลทีมชาติแคนาดาก็เข้าสู่ยุคใหม่ที่มีดาวรุ่งมากมายพร้อมที่จะโดดเด่นในเวทีที่แข็งแกร่งอย่างฟุตบอลยุโรป ไม่ว่าจะเป็นอัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ ที่เป็นส่วนสำคัญในการช่วยบาเยิร์น มิวนิคคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก หรือกองหน้าอย่างโจนาธาน เดวิดที่หากมองไปในฟอร์มทีมชาติแล้วเขาก็ถือว่าทำได้ดีมากจนเป็นอันดับที่ 2 สำหรับดาวยิงสูงสุดตลอดกาลไปแล้ว
แน่นอนว่าทีมชาติแคนาดากำลังมองถึงการสร้างใหม่ พวกเขาหวังว่านี่อาจช่วยให้พวกเขาไปได้ไกลในการแข่งขันฟุตบอลโลก ไกลกว่าครั้งก่อนที่พวกเขาเคยลงแข่งขันในปี 1986 ที่ตกรอบแบ่งกลุ่ม
ในตอนนี้ถือว่าอันตรายสำหรับการเล่นของทีมชาติแคนาดาเมื่อพวกเขามักตั้งใจเล่นเกมรับเพื่อเปิดพื้นที่ในการโต้กลับ ความเร็วของเดวี่ส์ และ ธาจอน บูแคนัน สร้างเกมขึ้นไปให้กับ เดวิด และ ไซล์ ลาริน กองหน้าจบสกอร์ถือว่าเป็นอะไรที่อาจตัดสินเกมได้ นั่นอาจเป็นหนทางที่พาให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบต่อไปก็ได้ในคราวนี้
ผลงานระดับชาติที่โดดเด่น
เข้าแข่งขันในฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะอันดับที่ 41 ของโลก โดยที่ผลงานในทวีปของพวกเขาเคยคว้าแชมป์คอนคาเคฟโกลด์คัพ 2 ครั้งในปี 1985 และ 2000 ส่วนในฟุตบอลโลกนั้นเคยเข้าร่วมแข่งขันเพียงครั้งเดียวคือในปี 1986 ซึ่งก็ทำได้เพียงแค่ในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
นักเตะเด่น : อัลฟอนโซ่ เดวีส์
นักเตะที่โดดเด่นที่สุดในทีมชาติแคนาดาแบบที่ไม่มีใครเถียง เขาพบเจอกับอาการบาดเจ็บก่อนฟุตบอลโลก แต่ก็มีการยืนยันแล้วว่าเขาจะพร้อมช่วยทีมชาติแคนาดาแน่นอนในการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้
เดวี่ส์ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของบาเยิร์น มิวนิคที่ช่วยในการสร้างเกม แม้ว่าจะเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายก็ตาม เขาช่วยในเกมรุกได้มาก โดยเฉพาะความเร็วของเขา ความสำคัญของเขามีมากกว่านั้นเมื่อเล่นให้กับทีมชาติ ถือเป็นดาวดังอีกคนที่น่าจับตามองมากๆในฟุตบอลโลกครั้งนี้
-----
โมร็อกโก : ตั้งเป้าหมาย ให้ไกลกว่าเดิม
ปูมหลังด้านฟุตบอล
ในการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ทีมชาติโมร็อกโกสามารถไปแข่งขันในรอบสุดท้ายได้ทั้งหมด 6 สมัย คือในฟุตบอลโลก 1970,1986,1994,1998,2018 และ 2022 โดยที่ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก ที่พวกเขาไปได้ถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ในรอบคัดเลือกทีมชาติโมร็อกโกถือว่าไม่ต้องเหนื่อยมาก พวกเขาคว้า 18 แต้มจาก 6 เกม เป็นทีมเดียวในชาติแอฟริกาที่ชนะทุกเกมที่ลงแข่งขัน รวมทั้งมีสถิติเกมรับที่ดีสุดๆ ขณะที่เกมรุกก็ทำได้มากถึง 20 ประตูด้วยกัน
สไตล์การเล่นของพวกเขาดูจะมีการเน้นในการสร้างสรรค์เกมที่ดี การเรียก ฮาคิม ซีเย็คกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งเพื่อเป็นอีกส่วนสำคัญในการช่วยสร้างเกมจากแดนกลาง ทำให้เห็นภาพ บวกกับความเร็วในการโต้กลับของ อัชราฟ ฮาคิมี่ทำให้พวกเขาอันตรายในหลายมุม
ผลงานระดับชาติที่โดดเด่น
สำหรับการคว้าแชมป์ระดับทวีปแล้วพวกเขาเคยคว้าแชมป์ แอฟริกาคัพออฟเนชันส์ได้ 1 ครั้งด้วยกัน ซึ่งต้องย้อนไปไกลถึงปี 1976 เลยทีเดียว ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายพวกเขาเคยเข้าร่วมทั้งหมด 6 ครั้ง โดยที่ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 1986
นักเตะเด่น : อัชราฟ ฮาคิมี่
ฮาคิม ซีเย็ค อาจกลับมาแล้วในทีมชาติ แต่ในตอนนี้เมื่อพูดถึงฟอร์มการเล่นไม่มีใครยอดเยี่ยมเท่ากับ อัชราฟ ฮาคิมี่ ในวัย 23 ปี วิงแบ็คตัวเก่งจากปารีส แซงต์ แชร์กแมงยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เขาถือว่าน่าสนใจมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกในคราวก่อนแล้ว แต่ในคราวนี้ที่เขามีประสบการณ์มากขึ้น อาจพาให้ทีมชาติโมร็อกโกโดดเด่นกว่าเดิมในฟุตบอลโลกหนนี้
----
โครเอเชีย : ตราหมากรุก พร้อมเซอร์ไพรส์
ปูมหลังด้านฟุตบอล
โครเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวีย นั่นทำให้พวกเขาก็ไม่ได้เล่นฟุตบอลโลกเลยนับตั้งแต่ปี 1930 เป็นต้นมา โดยที่นักเตะโครเอเชียหลายคนก็ต้องเล่นทีมชาติในนามของยูโกสลาเวียมาเสมอ ก่อนที่จะมีการแยกออกมาในปี 1992
ทีมชาติโครเอเชียขึ้นชื่อเรื่องการสร้างเซอร์ไพรส์อยู่เสมอนับตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติครั้งแรกของพวกเขาในยูโร 1996 พวกเขาไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบหักปากกาเซียน
ก่อนที่ในอีก 2 ปีหลังจากนั้นพวกเขาในฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมใจกันจนไปได้ไกลถึงการเป็นที่ 3 ในฟุตบอลโลก ซึ่งบอกได้เลยว่าช่วงเวลานั้นถือว่าไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะสามารถทำแบบนั้นได้
เช่นกันกับฟุตบอลโลกในคราวก่อน ในปี 2018 ทีมชาติโครเอเชียที่นำโดยลูโก้ โมดริชผ่านเข้าไปสู่นับชิงชนะเลิศ และจบด้วยการเป็นรองแชมป์ แม้พวกเขาจะไม่ใช่ชาติที่ใหญ่นัก และเป็นชาติที่พึ่งแยกตัวออกมา แต่สำหรับทัวร์นาเมนต์แข่งขันฟุตบอลระดับชาติแล้วมักสร้างอะไรให้คนจดจำอยู่เสมอ
ผลงานระดับชาติที่โดดเด่นในอดีต
โครเอเชีย ถือเป็นหนึ่งในชาติที่สร้างเซอร์ไพรส์ในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้มากที่สุด นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาลงเล่นฟุตบอลโลกในปี 1998 พวกเขาก็สามารถไปได้ไกลถึงการคว้าอันดับที่ 3 ได้ในทันทีแบบที่ไม่มีใครคาดคิด
ก่อนที่ในปี 2018 พวกเขาก็ทำมันได้อีกครั้ง คราวนี้ใกล้กับการคว้าแชมป์มากขึ้นไปอีกเมื่อพวกเขาได้ไปไกลถึงการเป็นรองแชมป์ ก่อนที่จะแพ้ให้กับทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งเป็นเต็งแชมป์ไป แม้ว่าจะยังไม่เคยได้แชมป์แต่ถือว่าทีมชาติโครเอเชียสร้างโมเมนต์ที่น่าจดจำเอาไว้มากมายในฟุตบอลโลกเช่นกัน
นักเตะเด่น : ลูก้า โมดริช
ในวัย 37 ปี เขาคว้ามาทุกแชมป์แล้วกับเรอัล มาดริด และแน่นอนว่าเขาคือดาวดังที่สุดของทีมชาติโครเอเชีย โดยที่เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่พร้อมสร้างปาฎิหารย์ให้ได้เห็นอยู่เสมอ โมดริชในฐานะกัปตันทีมชาติ อดีตผู้เล่นที่เคยคว้าบัลลงดอร์พร้อมนำทีมให้ไปได้ไกล
ซึ่งโมดริชเอง ก็ได้ฝากผลงานเอาไว้แล้วในฟุตบอลโลกคราวก่อนที่พวกเขาสามารถไปไกลถึงการเป็นรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 แต่เพื่อให้ยืนยันว่าเขาจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติโครเอเชีย การเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เหมือนกัน