รุด ฟาน นิสเตลรอย : “อาร์เซน่อล” คงไม่มีฤดูกาลไร้พ่าย ถ้าผมไม่ทำพลาด

10-20-2022
2นาทีที่อ่าน

รุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ออกมากล่าวติดตลกว่าเหล่าแฟน ๆ อาร์เซน่อล ควรจะ “ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น’ ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม หลังจากเขาช่วยให้ไอ้ปืนใหญ่คว้าแชมป์แบบไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-2004

กุนซือวัย 46 ปีกำลังจะกลับไปพบกับทัพปืนใหญ่ อีกครั้งในคืนวันนี้ เมื่อเขาต้องพาลูกทีมจากลักดัตช์ลงสนามในเกมยูโรปา ลีกพบกับ อาร์เซนอล

ในฐานะนักเตะ อดีตกองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทำประตูไปทั้งหมด 150 ลูก ในการลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วง 5 ฤดูกาลตั้งแต่ปี 2001

แต่ก็มีอีกหนึ่งเรื่องที่พลาดไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขาโด่งดังสุด ๆ พอ ๆ กับสถิติการทำประตูของเขาเลย

การยิงจุดโทษพลาดในนาทีสุดท้ายของเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2003 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้แค่เสมอกับ อาร์เซนอล ไป 0-0 หลังสิ้นเสียงนกหวีด มาร์ติน คีโอว์น และนักเตะคนอื่น ๆ ของ อาร์เซนอล อีก 4 คนก็กรูกันเข้าไปเยอะเย้ย นิสเตลรอย จนมีเรื่องบานปลาย

หลังจากนั้น ทางด้าน คีโอว์น เองที่ไปทำท่าดีใจใส่หน้าของ นิสเตลรอย ก็ถูกแบนไปถึง 3 เกม แถมยังโดนปรับไป 20,000 ปอนด์ หรือประมาณ 858,564 บาท โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ

ท้ายที่สุด การพลาดจุดโทษลูกนั้นของ นิสเตลรอย ในเกมที่ 6 ของฤดูกาล ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ อาร์เซนอล คว้าแชมป์โดยไม่แพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียวในฤดูกาลนั้น

“ผมหวังว่าผมจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นนะ ผมทำให้พวกเขาไร้พ่ายด้วยความผิดพลาดของผมเลย” นิสเตลรอย กล่าวแบบติดตลก

Scroll to Continue with Content
Getty Images

ในความเป็นจริงเขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดไปแบบติดตลกนั้นคงไม่เกิดขึ้นจริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดมากอะไรกับเหตุการณ์นั้นแล้ว แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมันก็ยังอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ และยังคงมีคนหยิบเรื่องนี้มาพูดถึงเรื่อย ๆ อยู่ดี

เขาพูดถึงเกมดังกล่าว และยังได้พูดถึงเหตุการณ์ปาพิซซ่าอันโด่งดังใส่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อีกด้วย ซึ่งเกมนั้นเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2004 และในเกมนั้นเองพวกเขาก็เป็นทีมที่หยุดสถิติไร้พ่ายของ อาร์เซนอล ไว้ที่  49 เกม ด้วยชัยชนะ 2-0

“เกมนั้นผมไม่ได้แสดงออกอะไรเลยนะ หลังจากที่ทำพลาด เพราะผมรู้สึกผิดหวังที่นำชัยชนะมาสู่ทีมไม่ได้” นิสเตลรอย กล่าว

“ความกดดันนั้นถาโถมเข้าใส่ทั้งสองทีม เพราะในตอนนั้นเราเป็นคู่แข่งที่แย่งแชมป์กันโดยตรง อีกทั้งเกมนั้นอาจเป็นเกมที่ตัดสินแชมป์ของทีมใดทีมหนึ่งเลย”

“ตอนนี้มันก็ผ่านไป 20 ปีแล้ว เรื่องที่ว่าก็ไม่ได้มีความหมายกับผมเท่าไหร่แล้ว แต่การกลับมาที่อังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องมาเจอกับ อาร์เซนอล ความทรงจำเหล่านั้นมาก็กลับมาหาผมอีกครั้ง”

“หลายปีต่อมา มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะมองย้อนไปและมองให้เป็นเรื่องขำ ๆ แต่ผมคิดเสมอว่าผมใช้เวลาของผมที่อังกฤษไปถึง 5 ปี ไม่ใช่แค่ 2 เกมที่คนที่พูดถึงกันบ่อย ๆ ผมคว้าแชมป์ได้หลายแชมป์ที่นั่น ได้ลงเล่นให้กับกุนซือที่สุดยอดรวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมที่น่าทึ่ง”

“ผมไม่คิดหรอกนะว่าผมจะได้รับการต้อนรับที่ดีอะไร แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในโลกของฟุตบอล"