ถอดเคล็ดลับ ซิโมเน่ อินซากี้ : ปลุกงูใหญ่ทำไมต้องใช้โค้ชอิตาลี?

09-19-2024
3นาทีที่อ่าน
(Getty Images)

ถอดเคล็ดลับ ซิโมเน่ อินซากี้ : ปลุกงูใหญ่ทำไมต้องใช้โค้ชอิตาลี?

“ทัพงูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน หักปากกาเซียนหลายสำนักด้วยการบุกมาเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในบ้านชนิดแบบไร้สกอร์ 0-0 ประเดิมคว้าแต้มสำคัญในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2024-25 มาครองได้สำเร็จ

ทว่าในขณะเดียวกันเบื้องหลังความสำเร็จของสโมสรตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2022-23 หรือแม้แต่แชมป์ซูเปอร์ โคปปา อิตาเลีย ล้วนต้องยกเครดิตให้ “ซิโมเน่ อินซากี้”

กุนซือชาวอิตาเลียนที่เข้ามารับงานคุมทีมต่อจาก อันโตนิโอ คอนเต้ ตั้งแต่ปี 2021 โดยอดีตนักเตะทีมชาติอิตาลีรายนี้ใช้วิธีการอย่างไรในการยกระดับทีมให้เก่งขึ้นมากขนาดนี้? ร่วมติดตามพร้อมกันที่นี่เลย

ปลุกงูใหญ่ยังไง?

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน ในกัลโช เซเรีย อา ฤดูกาล 2022-23 ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือของ อินเตอร์ มิลาน กลายเป็น "ตัวตลกของวันเอพริลฟูล" เมื่อลูกทีมของเขาพ่าย ฟิออเรนติน่า 1-0 ในบ้านของตัวเอง นั่นทำให้สื่อมวลชนเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของเขากับสโมสรอย่างจริงจัง

หนังสือพิมพ์ Gazzetta dello Sport อิตาลี วิพากษ์จารณ์เขาว่า "เป็นไปได้ยากที่จะเห็น อินซากี้ คุม อินเตอร์ ต่อในฤดูกาลหน้า เว้นแต่เขาจะคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ซึ่งในตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้จริง ๆ"

เพราะสถานการณ์ทีมของ อินเตอร์ ในเวลานั้นพึ่งพาการโจมตีจากการเปิดบอลจากข้างเป็นหลัก และไม่สามารถทำประตูได้ ทำให้ดูเหมือนว่าทีมขาดแผนการเล่นอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพ

จากการวิจารณ์อันดุเดือด อินซากี้ ถูกตำหนิหลายเรื่อง ตั้งแต่การใช้เกมริมเส้นมากเกินไป การไม่โรเตชั่นนักเตะในทีม รวมถึงการไม่เซ็นสัญญากับ เปาโล ดีบาล่า เมื่อฤดูกาลก่อนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในแนวรุก

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง : ตารางแข่งยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2024-25 โปรแกรมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

แต่ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ไม่นาน อินเตอร์ ในยุคของ ซิโมเน่ อินซากี้ ได้พิสูจน์ตัวเอง พร้อมกับชัยชนะนัดที่ 100 ของ อินซากี้ ในเซเรียอา ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดในบรรดากุนซืออินเตอร์ที่คุมทีมมานานกว่า 1 ปี เขาเก็บชัยชนะไปถึง 100 นัดจาก 150 นัด คิดเป็นอัตราชนะ 67%

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ อินซากี้ ได้เรียนรู้และเติบโตจากคำวิจารณ์ เขาพัฒนาทีมและกลยุทธ์อยู่เสมอ ซึ่งเห็นได้จากการพัฒนาของนักเตะในทีม แม้จะต้องสูญเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง อันเดร โอนาน่า, มิลาน สคริเนียร์, โรเมลู ลูกากู และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ทีมยังคงรักษาฟอร์มได้ดี พร้อมทำลายสถิติด้วยการทำประตูในเกมลีกทุกนัด 30 นัดติด

ดูเหมือน อินเตอร์ มิลาน จะตอบแทนผลงานกุนซือรายนี้ด้วยการได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 กันยายนปีที่แล้ว ว่าพวกเขาตัดสินใจขยายสัญญาใหม่ให้กับ ซิโมเน่ อินซากี้ 

Scroll to Continue with Content

โดยในแถลงการณ์ระบุว่า “อินเตอร์ มิลาน ยินดีที่จะประกาศว่า ซิโมเน่ อินซากี้ ได้เซ็นสัญญาใหม่กับสโมสร และจะยังทำหน้าที่เฮดโค้ชจนถึงปี 2025”

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน อินเตอร์ มิลาน ที่นำโดย ซิโมเน่ อินซากี้ ต้องโคจรมาพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2022-2023 ด้วยสกอร์ 0-1 ส่งผลให้คว้ารองแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนกุนซือชาวอิตาเลียนรายนี้จะได้เรียนรู้วิธีอะไรบางอย่างในการต่อกร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดย อินซากี้ มักจะใช้แผน 3-5-2 ตามสไลต์ที่ตัวเองถนัด ซึ่งครั้งนี้มันแตกต่างออกไปจากครั้งก่อน

รับเครดิตฟรี ที่ M88 คลิก

เว็บไซด์ CV The Coach Voice ได้วิเคราะห์รูปแบบแผนการเล่น การเข้าทำ และเกมรับของ ซิโมเน่ อินซากี้ ไว้ว่า

ซิโมเน่ อินซากี้ ใช้ระบบการเล่นที่โดดเด่นสองแบบ คือ 3-5-2 และ 3-4-3 ซึ่งแต่ละระบบจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ระบบเหล่านี้ช่วยให้ทีมสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเกมและลักษณะของคู่แข่ง

โดยเกมนี้เขาเลือกระบบ 3-5-2 ในเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่เป็นระบบหลักที่เขาใช้มาตลอดวางเซ็นเตอร์แบ็คสามคนในเกมรับ และมิดฟิลด์ที่มีบทบาททั้งในการป้องกันและการสร้างสรรค์เกมรุก ทำให้ทีมมีความสมดุลในการเล่นทั้งสองฝั่งของสนาม

รวมถึงการใช้ปีกสองข้างจะมีบทบาทในการเปิดบอลและทำเกมจากริมเส้น ส่งผลให้ทีมสามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากขึ้นและเพิ่มมิติในการโจมตี

สุดท้ายอีกหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ อินซากี้  คือการกดดันสูง หรือศัพท์ฟุตบอลที่เรียกว่า High Pressing ซึ่งเป็นการสั่งให้ทีมบีบพื้นที่ของคู่แข่งในเขตแดนบน 

เป้าหมายคือการสร้างโอกาสในการทำประตูโดยการบีบให้คู่แข่งทำพลาดการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วและการปิดพื้นที่อย่างมีระเบียบทำให้ทีมสามารถกดดันได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดโอกาสที่คู่แข่งจะตั้งเกมได้ง่าย

ด้วยการผสมผสานระหว่างแผนและกลยุทธ์ของนั่นทำให้ “ทัพงูใหญ่” สามารถคว้าหนึ่งแต้มสำคัญกลับมาจาก เอติฮัท สเตเดียม มาครองได้ … คงต้องติดตามกันต่อจากนี้ว่า อินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทีมของ ซิโมเน่ อินซากี้ จะประสบความสำเร็จมากขนาดไหนในอนาคต

บทความที่เกี่ยวข้อง อธิบายวิธีแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รูปแบบใหม่ ฤดูกาล 2024-25

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand